วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

CHAPTER 3





“หนาว...”
คนตัวเล็กบ่นเบาๆ ก่อนจะแทบตบปากตัวเองเมื่ออีกคนประชิดเข้ามาใกล้เหมือนรออยู่ก่อน มืออุ่นแตะลงบนเอวบางที่ยังมีร่องรอยของอีกฝ่ายอยู่เต็ม ลู่หานสะดุ้งเฮือกกับไออุ่นที่ส่งผ่าน ร่างสูงบอกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์หากแววตากลับลุกวาว
“ยกขาขึ้นสิ”
ลู่หานเม้มปากแน่น พยายามไม่อิงไออุ่นของอีกฝ่ายแม้ว่าลมหนาวมันจะเริ่มต้องกายสักแค่ไหน หากสุดท้ายองค์ชายหนุ่มกลับดันเขาชิดอกเหมือนจะกอด ยกขาเรียวทั้งสองของเขาขึ้นเสียเอง
มือเย็นเยียบนั้นควานหาบาดแผล ขณะที่ดวงตาหลุบมองดวงหน้าหวานที่แดงเรื่อยเพราะมันไต่ตั้งแต่ขาอ่อนมานัวเนียรอบปากทางรักที่บวมเป่งขึ้นมาเพราะอักเสบจากภายใน ลู่หานเผลอซุกหน้าซ่อนแก้มที่แดงจัดกับอกของอีกฝ่าย เรียกอารมณ์อยากรังแกของคนมอง นิ้วเย็นๆ นั่นเลยนัวเนียอยู่ที่ปากทางเข้า ไม่ยอมผลุบเข้าไปทาแผลเสียที
“ทำเร็วๆสิ”
เสียงเร่งเร้าเหมือนรำคาญ หากก็อ้อนในที่ทำเอาคนอยากแกล้งแสร้งดันนิ้วเข้าไปแรงๆ
ลู่หานครางออกมาเบาๆ ร่างกายของเขากำลังตอดรัดปลายนิ้วเย็นนั่นโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้อุณหภูมิของคนตัวสูงร้อนวาบขึ้นมาในทันที
ยิ่งก้มมองดวงหน้าของคนที่กำลังสั่นสะท้าน แก้มใสนั้นแดงก่ำ ขณะที่แพขนตาหนาที่หลับแน่นกำลังสั่นระริก เรียวปากเล็กสีสดนั่นกำลังขบแน่นกลั้นความซ่านเสียวของตัวเอง องค์ชายหนุ่มชักนิ้วออก ก่อนจะผละมาเปิดถ้วยยา
“แยกขาออก”
คำสั่งราบเรียบทำเอาคนที่ต้องถูกกระทำเม้มปากแน่น เหลือบตาขึ้นมองอย่างคาดโทษเล็กน้อย ก่อนจะขยับเรียวขาขาวให้แยกออก ร่างสูงดึงเบาะมาซ้อนให้สะโพกกลมกลึงนั้นสูงขึ้น เพื่อให้ปากทางสีสดนั้นมองเห็นได้ชัด เขาเริ่มรู้สึกทรมาน...เพราะยังจำรสรักของมันได้เป็นอย่างดี
“อะ...อ๊ะ...!”
ลู่หานถึงกับหลับตาแน่น เพราะทั้งปลายนิ้วที่ชำแรกแทรกลงมาในเรือนร่าง ไหนจะความร้อนแสบที่ได้รับจากตัวยานั่นอีก แทบจะทำให้น้ำตาของเขารินไหลเลยด้วยซ้ำ คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างสูงควานปลายนิ้ว เหมือนอยากจะป้ายตัวยาให้ทั่วทิศ หากอาการสะท้านครางนั่นกลับเพิ่มความอันตรายให้กับตัวเองยิ่งนัก
“อ๊ะ...อะ...เบาหน่อย องค์ชาย...ตรงนั้นมัน...”
เท้าเรียวจิกฟูกนอนจนเลือดฝาดไปทั้งกาย สะโพกสวยแอ่นขึ้นพร้อมกับทั้งร่างที่สะท้านหอบ เป็นผลมาจากปลายเล็บคมสะกิดตรงจุด ลู่หานเผลอกระดกสะโพกรับนิ้วเรียวของอีกฝ่ายด้วยความกระสัน แรงกำหนัดทำให้เขาปรือตามองคนกระทำอย่างอ้อนวอนโดยไม่รู้ตัว
เสียงหัวเราะเบาๆขององค์ชายผู้เกษมสันต์...เรียกให้คนตัวเล็กรู้สึกอับอายจริงๆ
อาจจะเป็นเพราะเคยเสพสมกายกัน มันเลยทำให้ร่างน้อยๆรู้สึกมากกว่าแรงสัมผัสจากคนอื่นๆ เขาถึงได้ว่ากันว่าเมื่อผู้ชายมีอะไรกับผู้ชาย จากที่ไม่เคยคิด ก็อาจจะคิดได้ ดวงหน้าหวานแดงเป็นปื้น ซุกไซร้ที่เบาะกว้าง ก่อนจะร้องอุทานเมื่ออีกคนรั้งร่างของเขาไว้บนตักอุ่น
“อะ...อะไร...”
ไม่รู้หรือยังไง ว่าเราไม่ควรขณะที่เขายังเจ็บแผล หรือว่านี่ไม่คิดจะถนอมกันเลยสักนิดเดียว
คิดเพียงเท่านั้นอารมณ์น้อยใจประหลาดก็แล่นพล่าน แม้ว่าอีกคนจะก้มลงไซร้จูบที่แก้มใน นัวเนียมาจนถึงริมฝีปากอย่างอ่อนโยนก็ตามที่ ร่างสูงกระซิบถามแนบใบหูนิ่ม
“บอกข้ามาสิ... ‘ตอแหล’ แปลว่าอะไร”
บอกไปก็โดนสิ...
ลู่หานกัดปากอย่างดื้อๆ ก่อนจะเผลอครางออกมาเบาๆ เมื่ออีกคนละนิ้วออกจากช่องทางคับแคบแล้วป้ายยาเพื่อบรรจงทาแผลที่เดิม เนื้อตัวเขาร้อนเป็นไฟ เพียงสะกิดเล็กน้อยก็สามารถสานต่อได้ในตอนนี้
คิดอีกที ไม่บอกก็โดนอยู่แล้วนี่ และอาจจะทรมานมากกว่าเก่าด้วย
“โกหก...มันแปลว่าโกหก...” คนตัวเล็กที่เกาะเกี่ยวบ่ากว้าง ช้อนตาคาดโทษมองมาโดยไม่รู้ว่ามันแลหวานเยิ้มขนาดไหน เรียวปากฉ่ำแดงเล็กๆนั่นเอ่ยคำบริภาษดังใจ “...คนโกหก”
คนโกหกหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวลงจูบเบาๆที่เรียวปากนิ่ม หวานเหมือนโดนป้ายด้วยน้ำผึ้งก็ไม่ปาน ลู่หานตอบรับมันราวกระหายอยาก ก่อนจะครางชิดแผ่นอกเมื่ออีกฝ่ายลูบไล้บางอย่างแผ่วเบา
“ราชวงศ์จะไม่โกหกใคร นี่คือเกียรติของเรา...” จูบนั้นไซร้เบาๆที่ข้างแก้ม สูดลมหายใจลึก แก้มใสนั้นนุ่มเนียนราวกลีบดอกไม้ก็ไม่ปาน “...แต่ตอนนั้นเจ้าน่ารักนัก ข้าเลยเผลอไป อภัยให้ข้าด้วย”
คนถูกชมลืมตาโพลง ความกรดากอายซาบซ่านไปทั้งกายจนไม่กล้าสบประสานสายตาคนพูด แล้วยิ่งอยากแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงแรงดุนดันจากเครื่องรักของอีกฝ่ายที่เคยกัดกินเขานับไม่ถ้วนนั่น
ร่างสูงแตะเบาที่ปากทางเขาที่ชมพูเข้มพร้อมกระซิบถาม ทำราวกับเกรงใจเสียอย่างนั้น
“ยังเจ็บอยู่มั้ย”
ลู่หานซุกหน้าลงกับอกของอีกฝ่าย ไม่ขอสบสายตา ได้แต่ผงกศีรษะรับ ท่าทางน่ารักนักจนคนตัวสูงต้องเชยคางเรียวขึ้น ไล่พินิศดวงหน้าหวานของพระชายาตัวเอง เขาชอบ...ที่เห็นดวงหน้านี้ยามเกิดอารมณ์ เขินอาย หรือแม้กระทั่งอัดอั้นจนน้ำตาไหลริน
เหมือนแกล้งเด็กเล็กๆที่น่าจูบไปทั้งตัว เหมือนลูกกวางที่เคยเลี้ยงเมื่อยามเล็ก มันพยศ หากก็ออดอ้อนยิ่งนักยามต้องการ
“อ๊ะ...!”
ลู่หานเผลอผวากัดเสื้อของอีกคนเมื่อฝ่ามืออุ่นนั่นล้วงมาปรนเปรอส่วนหน้าที่ชูชัน มือบางจิกเนื้อผ้าของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น กลั้นเสียงครางอื้ออึงโดยการขบเบาๆที่ไหล่กว้าง ในสายตาของคนตัวสูง ไม่ต่างกับลูกแมวน้อยสักตัวที่หยอกเล่นกับเจ้าของ แทบไม่มีความเจ็บหรือปวดเลยแม้แต่น้อย แต่พอรู้สึกถึงมือเรียวที่กำเสื้อแน่นก็คลายสงสัย คงกลัวว่าเขาจะลงโทษกระมัง
ความพึงพอใจนั้นมีมากขึ้นเรื่อยเมื่ออีกฝ่ายหลุดครางเสียงหวาน พรางช้อนดวงตากลมโตแทบจะหยดนั่นขึ้นมองเขาอย่างเว้าวอน ร่างสูงประทับจูบที่หน้าผากขาวชื้นเหงื่อ กำลังยกสะโพกผายกลมกลึงขึ้นเพื่อกลืนกินร่างเล็กๆในอ้อนแขนนี่ หากองค์ชายหนุ่มก็สำเหนียกได้ว่า หลังจากนี้ในตอนพลบค่ำ...อีกฝ่ายจะต้องเฉิดฉายพร้อมเขาที่งานเลี้ยงต้อนรับราชทูต
หากปวดแผลมาก...คงไม่ดีแน่
“เจ้าช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่”
“อะ...อะไรนะ”
ลู่หานถามเสียงหอบสั่น เขากำลังจะถึงที่สุด อีกคนรวบกระตุกทำเอาร่างเล็กครางออกมาเสียงดังกับการปลดปล่อยครั้งสุดท้าย แล้วก็แทบจะหมดเรี่ยวแรงไปกองที่พื้นฟูก
“ช่วยข้า”
คำพูดนั้นราวคำนั่ง ลู่หานมองความต้องการที่คับแน่นของอีกฝ่ายที่ชูชันท้าสายตา เขาช้อนตาขึ้นมองอีกคน ไม่มีวี่แววเดียดฉันท์เหมือนแรกคืนวันแต่งงาน ไม่สิ...หากเอาแต่ใจก็คงจะทำไปแล้ว เย็นนี้คงมีงานพิธี เจ้าตัวคงห่วงเขา
ไม่สิ...ห่วงกลัวว่าพิธีจะเสีย
“เร็ว”
คำเร่งเร้าทำเอาลู่หานแทบมองค้อน หากสุดท้ายก็ยอมลากไล้ปลายลิ้นตั้งแต่สุดปลายขึ้นต้นโคน เสียงครางเบาๆขององค์ชายหนุ่มบ่งบอกว่ากำลังพึงพอใจมากแค่ไหน ลู่หานประคองมันเข้าไปในริมฝีปากนิ่มร้อนของตนเอง เขาเงอะงะอยู่บ้าง หากก็พยายามไล้เลียความต้องการนั้นโดยไม่กล้าช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่ายเลยสักนิด มือแกร่งขยุ้มเส้นผมของเขาเหมือนเร่งเร้า ขณะที่สะโพกหนาก็เริ่มขยับน้อยๆชวนให้ลู่หานต้องเร่งจังหวะตามอีกฝ่าย เขาแทบจะเบือนหน้าหนีเมื่อรู้สึกทรมานขึ้นเรื่อยๆ ปวดเมื่อยรอบริมฝีปากหากก็ไม่กล้าหยุดการสนองตัณหาของอีกฝ่าย แต่ทว่า...คนตัวสูงเหมือนจะเห็นความทรมานนั่น เลยดันดวงหน้าหวานออก ก่อนจะช้อนขึ้นมาประทับริมฝีปาก จับสะโพกนิ่มมาเสียดสีกับความต้องการที่เริ่มปลดปล่อยเชื้อพันธุ์สูงศักดิ์ออกมาแค่เพียงปริ่มๆ คนตัวเล็กนี่ช่วงกระไร ส่ายสะโพกบดบี้มันจนน้ำรักขาวขุ่นเปรอะเลอะไปเสียหมด
เสียงประทับจูบดูดดุนดังขึ้นในห้องกว้าง ร่างสูงผลมาก่อนจะเอียงหน้าประทับลงไปอีกซ้ำๆราวกับหลงใหล ลู่หานตอบรับมันทุกจังหวะ ราวถูกสะกดจิต การกระทำนี้อาจจะไม่อ่อนโยนมากนักหากก็เร่าร้อนยิ่ง คนตัวสูงผละมาเมื่อพึงพอใจกันทั้งสองฝ่าย



READ CONTINUE...