วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558

CHAPTER 11






“ผมไม่มีมนต์อะไรหรอก ผมแค่รักคุณจริงๆเท่านั้นเอง”
เสี่ยวมะ
เสี่ยวมาก แถมคนพูดก็เขินเองมากด้วย
วรองค์สูงแย้มรอยสรวลเมื่อมองเห็นคนตัวเล็กกำลังเขินจัด ท่าทางน่ารักเสียจนคนมองอดใจเอาไว้ไม่อยู่ ลู่หานชะงักเมื่อเห็นอีกคนปลดสายคาดเอวของเขา ดวงเนตรคมเหลือบมามองสบสายตาเขา คนตัวเล็กตื่นเต้นราวกับว่ามันเป็นเซ็กส์ครั้งแรกของเขาเสียกระนั้น
เซ็กส์...อาจจะไม่ได้เรียกว่าเซ็กส์แล้วกระมัง
ขาเรียวขาวผ่องขยับชันขึ้นเมื่อประทับจูบตอบองค์ชายหนุ่ม เกาะเกี่ยวอังสากว้างเอาไว้เมื่อถูกหัตถ์แกร่งลูบไล้ที่ต้นขาขาวจัดใต้ร่มผ้า ร่างเล็กสะท้านขึ้นพร้อมเชิดหน้าให้อีกคนเลื่อนเรียวโอษฐ์มาที่ลำคอระหง ทรงประทับจูบดูดดุนจนได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก
เรียวโอษฐ์หยักประทับจูบที่หน้าผากขาว เลื่อนมาสันจมูก ก่อนจะหยุดที่เรียวปากอิ่มเนิ่นนาน ดูดดุนจนเกิดเสียงเบาๆ ดวงเนตรคมสบดวงตาอ่อนหวานเพียงแค่อากาศกั้นนั่น อาการหลุบตาต่ำอย่างเขินอาย พร้อมปลอดอาภรณ์ให้พระองค์อย่างเขินจัดนั่นทำเอาองค์ชายหนุ่มรู้สึกลิงโลด มันจะไม่เหมือนเก่าก่อน ครานี้จะทรงทะนุถนอมไว้ด้วยสัมผัสและความรู้สึกทั้งหมดที่ทรงมี
อากาศรอบกายนั้นแสนหนาว หากกายเนื้อที่เสียดสีนั้นกลับสร้างความร้อนระอุราวกับจะมอดไหม้ คนตัวเล็กกว่าหอบหายใจหนักเมื่อพระชิวหาร้อนนัวเนียที่ยอดถัน แขนเรียวขาวโอบกอดองค์ชายหนุ่มไว้แนบแน่น ขณะที่เรียวปากแดงระเรื่อเผยอครางผะแผ่วเบา
โคนขาเรียวถูกรั้งขึ้นสูง พระพักตร์คมเลื่อนลงมาซุกไซร้ที่ช่วงท้องน้อยที่กำลังเกรงแขม่วตามแรง รู้สึกได้ถึงดอกไม้ตูมเต่งที่กำลังชูชันรอผลิบานอย่างชัดเจน ลู่หานอายจัดเมื่อเรียวโอษฐ์หยักครอบครองมันให้กับเขาเพื่อปรนเปรออย่างไม่นึกรังเกียจเลยไม่น้อย
ครานี้จะไม่เหมือนครั้งเก่าก่อน...สำนึกส่วนพระองค์บอกองค์ชายหนุ่มเช่นนั้น...เพราะจะทรงอ่อนโยนให้มาก กับของล้ำค่าชิ้นนี้
“อา...อึก...อื้อ...”
ดวงหน้าหวานส่ายไปมาอย่างน่ารังแก ขณะที่สะโพกนิ่มนั่นก็บดเบียดจนน่าเฟ้นฟัด องค์ชายหนุ่มสูดโอษฐ์แรงๆ ความหวานล้ำนั่นก็พุ่งทะยาน ลู่หานร้องออกมาเบาๆ ระตุกร่าง ก่อนจะทิ้งตัวลงอย่างน่าเอ็นดู
“อย่ากินสิฮะ...” คนตัวเล็กบอกเสียงหวาน พลางหอบหายใจอย่างอ่อนแรง “...มันสกปรกออก”
“ไม่หรอก...” ทรงประทับจูบที่เรียวปากนิ่ม เผยอออกให้ได้ทรงลิ้มรส ดูดดึงมัวเมาจนหอบหายใจกันทั้งคู่ “...ตาเจ้าแล้วนะ”
ลู่หานเม้มปากแน่นอย่างเขินๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ ขาเรียวขาวแยกออกกว้างขึ้นอีกนิด สะโพกขาวยกขึ้นจนเห็นความงดงามทั้งหมดบนเรือนร่าง องค์ชายหนุ่มทอดพระเนตรจนอีกคนมองค้อน
“เข้ามาเร็วๆสิ มองอยู่ได้ เขินเป็นนะ”
น้ำเสียงเง้างอดเร่งรอยสรวลให้แย้มกว้างขึ้น ต้นขาเรียวถูกรั้งจนโอบรอบบั้นพระเอวแกร่ง ลู่หานสูดลมหายใจลึกๆระงับอาการตื่นเต้น นี่ยิ่งกว่าครั้งแรกของพวกเขาอีกครั้ง พระหัตถ์แกร่งช้อนมือเรียวมาจุมพิตเบาๆ
“เจ้าพร้อมหรือไม่”
“ตั้งท่าขนาดนี้แล้วไม่เห็นต้องถามเลย อ๊ะ...!”
ดวงหน้าหวานแดงเรื่อเหมือนเลือดสูบฉีดอย่างรุนแรง ดวงตาคู่หวานปรือปรอย ขณะที่เรียวปากแดงระเรื่อเผยอเห็นไรฟันขาว องค์ชายหนุ่มโน้มพระพักตร์ลงชิมริมฝีปากแดงราวลูกแอปเปิ้ลแสนหวานอีกครา ลิ้มชิมน้ำหวานอุ่นๆด้านใน ทรงรู้สึกได้ถึงแรงขัดขืนของช่องทางบอบบาง คนตัวเล็กกำลังเกร็งรับท่อนกายของพระองค์
“อย่างเกร็ง...” รับสั่งแนบกระซิบพร้อมเวียนจูบ เวียนงับเรียวปากอิ่ม ทรงเห็นน้ำตาคลอหน่วง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พักหลังๆมานี้จึงจะได้เจ็บปวดพระทัยนักเมื่อทอดพระเนตรเห็นมัน “...เจ็บรึ?”
ลู่หานพยักหน้ารับ คงเพราะไม่ได้ทำมานานมากแล้ว ร่างกายเขาเลยลืมเลือนมันไปบ้าง ไม่เข้าคล่องเหมือนแต่เก่า และหากเป็นเมื่อเก่าก่อนองค์ชายหนุ่มคงตะบี้ตะบันแทรกพระวรกายเข้ามาอย่างไม่ลดละ ไม่สนใจความสุขสมของเขาเลยสักนิด แต่ไม่ใช่ครานี้ ลู่หานรู้สึกได้เมื่อเรียวโอษฐ์หยักประทับที่หน้าผากขาวจัดชื้นเหงื่อของตนเอง
“เข้ามาเถอะครับ ไม่...อึก เป็นไรหรอก”
“ไม่ เดี๋ยวเจ้าเจ็บ”
องค์ชายหนุ่มรับสั่งอย่างกังวล ครั้นจะถอนองค์ออก ลู่หานก็เลื่อนมือมากอดบั้นพระเอวเอาไว้ แล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ คนตัวเล็กปรือตามองพระองค์ พร้อมซุกหน้าลงกับอังสากว้าง บอกเบาๆ
“คราวนี้ ผมให้...ด้วยความรักนะ”
ริมฝีปากอิ่มแตะที่ตำแหน่งพระทัย องค์ชายหนุ่มแย้มรอยสรวลออกมาบางๆ ก่อนจะโอบกอดร่างเล็กบอบบางนี่ ขยับพระวรกายแทรกเข้าไปในช่องทางคับแคบที่รัดรึงความหนุ่มแน่นของพระองค์แน่น ลู่หานเกาะเกี่ยวบ่ากว้าง พยายามสูดลมหายใจเพื่อเปิดรับอีกฝ่ายเข้ามาเป็นหนึ่งเดียว
ช่องทางนั้นเริ่มขยับขยาย องค์ชายหนุ่มประทับแนบริมเรียวปากอิ่ม หลายต่อหลายครั้ง เลื่อนมาที่ลำคอระหงหอมกรุ่ม ลู่หานจิกเส้นเกศาขององค์ชายหนุ่มแน่นสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ในกายของเขากำลังร้อน ร้อนจัดเช่นเดียวกับการกระทำที่ทิ้งร่องรอยขององค์ชายหนุ่ม
“ข้าต้องการเจ้า...” รับสั่งสุรเสียงพร่า ราวกับสะกดอารมณ์เอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป “...ต้องการ...”
“อะ...อึก...อื้อ...”
คนตัวเล็กเริ่มขยับกายอย่างทรมาน ความรู้สึกเหมือนเรือนร่างบิดเร่าราวกับงูที่ถูกลนไฟ องค์ชายหนุ่มฉวยสะโพกนิ่มน่าฟัด ก่อนจะขยับพระวรกายจนร่างเกๆนั้นสั่นคลอนตามแรงส่งที่เร่าร้อน
“...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า แรง...”...ไป
“อ๊ะ...”
สุรเสียงแกร่งครางออกมาผะแผ่ว ก่อนจะหยุดลงเมื่อทอดพระเนตรเห็นสีหน้าทรมานของคนตัวเล็ก ทรงชะงักองค์ ลู่หานนิ่งไปนิดเมื่อแรงส่งนั่นลดลั่นลง เขาขยับกายเข้ามาจูบเบาๆที่เรียวโอษฐ์หยัก
“ไม่เป็นไร...” ร่างเล็กเอื้อมมือมาสัมผัสแกนกายของตนเอง แล้วเลื่อนจับพระหัตถ์แกร่งให้มากอบกุมแกนกายของตน มองอย่างอ่อนหวาน “...ผมจะช่วยคุณเอง”
“หือ?”
“คุณไม่เคย...” ลู่หานยื่นหน้ามาคลอเคลียอีกฝ่าย “...รู้วิธีช่วยคู่นอนสินะ”
องค์ชายหนุ่มทำพระพักตร์ไร้เดียงสาชั่วขณะจนลู่หานหัวเราะออกมาเบาๆ มองพระองค์ด้วยแววตาพราวระยับหวาน
“ลูบผมตรงนี้ รูดสาวมัน...ตอนที่คุณเข้ามา แล้วผมจะผ่อนคลาย”
“เอาะ...อ่อ...” ทรงเชื่อฟังได้อย่างหมันเขี้ยวนัก “...ข้าจะลองดู”
ลู่หานยิ้มหวาน ก่อนจะครางกระเส่าเมื่อองค์ชายหนุ่มเริ่มขยับพระวรกายอีกครั้ง พระหัตถ์แกร่งฉวยเอาแท่งสีสวยที่เด่นล้ำมารูดรั้งตามคำบอกกล่าวของเขา มันให้ผลดีเยี่ยมจนกระทั้งคนที่ถูกปรนเปรอทั้งหน้าและหลังร้องครวญครางแทบไม่เป็นภาษา อกกำลังจะแตกตายเพราะความสุขท่วมท้น องค์ชายหนุ่มที่ก็ช่ำชองวิชาเกินครุแล้วกระมัง ถึงได้ทั้งปรนเปรอหน้าหลังและยอดถันอย่างชำนาญ ร่างเล็กขยับกายลุกขึ้นมาโอบรอบพระอังสากว้าง ขณะที่ขยับกายตามแรงส่งของอีกฝ่าย และแรงอารมณ์ของตนเอง
“เซฮุน...อ๊า! เซฮุน...อื้ออออออ...”
เรียวโอษฐ์หยักประทับแนบเรียวปากหวานช่ำ ดูดกลืนเสียจนได้ยินเสียงในเรือนเล็กๆ ไล่ตามเหงื่อไคลหอมหวาน การขยับกายเริ่มสอดประสาน เนื้ออุ่นโอบรัดบีบแน่นพระวรกายแกร่งจนกระทั่งต้องพระราชทานจูบหนักๆให้เป็นรางวัลหลายต่อหลายครา ทรงดันร่างเย้ายวนแนบผืนผ้าปูเล็กๆแล้วขยับพระวรกายดุดันจนกระทั่งร่างเล็กคลอนตามแรงส่ง ลู่หานกรีดร้องพร้อมกระตุกกายเกร็งรับหยาดรักของอีกฝ่าย พร้อมทั้งความสุขสมของเขาด้วย
เสียงหอบหายใจดังขึ้นห้องกว้าง องค์ชายหนุ่มประทับเรียวโอษฐ์กับเรียวปากนิ่มๆที่เผยอหอบนั่นอีกครั้ง นี่เป็นรสรักครั้งแรกที่ทรงตราตรึงกว่าครั้งไหนๆ ทรงประทับจูบซ้ำๆให้รางวัลกับคนตัวเล็กที่จะหลับไม่หลับแหล่

“นี่คือการร่วมรักใช่หรือไม่?”



READ CONTINUE...




วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

CHAPTER 5






“ไม่ฮะ...” ลู่หานย้ำจูบตัวเองลงไปอีกครั้ง เขาไม่รู้เลยว่าอะไรทำให้เขาทำเช่นนั้น หากเขาแค่อยากกอดผู้ชายคนนี้เอาไว้ ไม่ว่าชายคนนี้จะเป็นใครก็ตาม “...ไม่เลย”
ดวงตาของคนฟังจุดประกายประหลาด ร่างสูงขยับกายขึ้นมองดวงดวงตาของคนที่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจสัมผัส แม้จะทรงหลอกหลอนตัวเองสักกี่ครั้ง หากองค์ชายหนุ่มก็ยังคิดว่ามัน...สวย และในยามนี้กลับงดงามเกินกว่าจะหาอัญมณีใดมาพรรณนาได้
ริมฝีปากหยักแตะแผ่วบาบนเรียวปากนิ่ม ลู่หานนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะปรือตาลงหลับ เผยอปากให้ปลายลิ้นให้ผ้สูงศักดิ์แทรกเข้ามาชิมรสความหวานนั้นแต่โดยดี มือแกร่งเลื่อนมาที่ฝ่ามือขาวจัด ประคองขึ้นราวกับของล้ำค่า ขณะที่ย้ำจูบเหนือกลีบปากอิ่มและเลื่อนมายังเคราบางอย่างอ่อนโยนกว่าครั้งไหน อาจจะเป็นเพราะน้ำเมา ดวงจันทร์...หรือดวงใจเยือกแข็งที่กำลังหลอมละลายอยู่นี้
“อืม...อา...”
คิ้วเรียวขมวดแน่นเมื่อร่างสูงเอียงหน้าลากลิ้นร้อนตวัดเลียที่แนวกรามสวย ขยับกายเสียดสีกันผ่านผ้าขาวบาง ลู่หานขยับขาขึ้นเมื่ออีกคนแทรกตัวอยู่ตรงกลาง มือแกร่งบดขยี้มือเขาไปฟูกนอนนิ่ม ขณะที่อีกข้างแทรกเข้าไปลูบไล้ขาขาวจัดยกมันให้โอบรอบเอวสอบ มือเลื่อนมาลูบไล้แผ่นอกขาวบางเบาๆก่อนจะประทับจูบลงไป ลู่หานเชิดหน้าขึ้นอย่างรัญจวนใจ กำมือของอีกคนเอาไว้แน่น แผ่นอกบอบบางสะท้อนขึ้นลงตามแรงเร้าของอีกฝ่าย นี่อาจจะเป็น...เซ็กส์ที่อ่อนโยนที่สุดของเราเลยก็ได้มั้ง
ร่างเล็กรั้งดวงหน้าคมมาประทับจูบ ขณะที่มือแกร่งช้อนสะโพกนิ่มขาวโพลนขึ้น เซฮุนจูบเขา...จูบที่เต็มไปด้วยความหลงใหลในสัมผัสใคร่ เราไม่ได้รู้สึกอะไรกัน ไม่...ความคิดนี้ทำเอาลู่หานรู้สึกเจ็บลึกประหลาด มันอาจจะเป็นความเจ็บแค้นชะตากรรมของตัวเองก็ได้ ทำไมเขาต้องมาเป็นของเล่นของผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่ไม่ได้รักเขาคนนี้ด้วย
“ร้องไห้...ทำไม”
คำถามดังขึ้นโดยที่คนกระทำยังไม่รู้ตัว จมูกโด่งเป็นสันสวยนั่นคลอเคลียเช็ดน้ำตาให้แผ่วเบา องค์ชายหนุ่มลูบไล้ดวงหน้าหวานที่เม้มปากแน่นมองเขาด้วยสายตาประหลาด
“แม่ของข้าเสียใจ...ที่พระบิดาไม่เคยทำเช่นนี้กับนาง แต่ข้าทำกับเจ้าทุกวัน ทุกราตรี แล้วเจ้ามีอะไรต้องหลั่งน้ำตาอีกเล่า”
คำถามของอีกฝ่ายทำเอาน้ำตาไหลอาบแก้ม ลู่หานอยากจะโวยวาย แล้วร้องไห้ อยากจะบอกว่าเพราะเขาไม่รักเราเลย แต่ก็ต้องถามตัวเองว่าอยากให้เขารักอย่างนั้นเหรอ เย็นชาเหลือเกิน องค์ชายพระองค์นี้ช่างเย็นชาเหลือเกิน
“มันเป็นหน้าที่...สินะ”
ในตอนนี้เด่นชัด ทุกวันที่เราร่วมเรียงเคียงหมอน มันหมายความว่าอย่างไร
ร่างสูงที่อยู่เหนือเขานิ่งไปนิด ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างผู้ที่ตรึตรองแล้ว
“หากข้าไม่ทำ เจ้าจะเสียใจ”
“คุณห่วงผมด้วยเหรอ?”
ลู่หานถามออกไปอย่างพลั้งปาก ก่อนจะนิ่งงันและตกใจเมื่อรู้ว่าตัวเองถามอะไรออกไป ร่างสูงที่คร่อมร่างเขาอยู่นิ่งไปในทันควัน แสงจันทร์สะท้อนดวงหน้าคมที่แดงเรื่อเพราะน้ำจัณฑ์ กำลังสะกดให้เด็กหนุ่มแห่งโลกอนาคตยากจะละสายตา
นาน...กว่าที่เขาจะเอ่ยออกมา
“ไม่รู้...สิ”
ริมฝีปากหยักนั่นทาบลงมา เหมือนไม่อยากมองหน้าคนถูกกระทำ ไล้เลียกลีบปากนิ่มและจ้วงจกปลายลิ้นเล็กๆเหมือนไม่ให้อีกคนได้พูดอะไร ความรู้สึกบางอย่างกำลังเกิดขึ้น ลู่หานไม่รู้ตัวเลยสักนิด หากแต่ตอนนี้เขากลับยินดีที่จะโอบกอดร่างสูงแกร่งนี้มากกว่าครั้งไหนๆ
ภูษามากราคาถูกโยนออกมากระจายเต็มห้อง เหลือเพียงเรือนกายเปล่าเปลือยที่กอดเกี่ยวกันเอาไว้ มืออุ่นผสานกับมือเล็ก ของคนที่เอียงหน้าอย่างเย้ายวนให้เขาประทับจูบลงไปอย่างเร่าร้อน ลิ้นร้อนลากตามเนื้อนวล ขบติ่งแสนหวาน ขณะที่ขยับกายรุกล้ำเรือนกายขาวจัดให้สะท้านเฮือก
“อะ...อือ...”
ลู่หานกำหัวไหล่ของอีกฝ่ายแน่น รั้งดวงหน้าคมให้เงยขึ้นมาประทับจูบ ดวงตาของพวกเขาผสานกันชั่วขณะ องค์ชายหนุ่มกำลังมึนเมา หากเมาแล้วอ่อนหวานขนาดนี้ เมาบ่อยๆก็ดีนะ
“อ๊ะ...อ๊า...องค์ชาย...”
ลู่หานร้องครางเมื่ออีกคนพลิกกายของเขาพร้อมยกสะโพกบางขึ้นสูง จับรูดรั้งความสวาทที่กำลังบวมเป่ง สัมผัสได้ถึงลิ้นร้อนๆที่ลากตามแนวสันหลัง ไล้เรียงมาจนถึงกายแกร่งที่ยังแนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกัน เอวแกร่งขยับไหว เร่งเร้าให้เลือดสีแดงฉานสูบฉีดบนดวงหน้า พร้อมทั้งความซ่านเสียวกำจายไปทั่ว เสียงครางอย่างสุขสมนั้นดังขึ้นเร่งทบทวีความกระดากแก่ผู้ถูกกระทำ
“อึก...อา ตรงนั้น...”
สะโพกนิ่มขยับดันสวนกับแรงของอีกฝ่าย เกิดเป็นเสียงน่าละอายดังขึ้นในห้องกว้าง ลู่หานหลับตาแน่นไม่อยากมองเลยว่าตัวเองกำลังสุขสมมากแค่ไหน และกำลังทำอะไรที่น่าละอายเอที่จะมีความสุขกับอีกฝ่าย ความเร่าร้อนกำลังทบทวีราวกับจะแผดเผาสองร่างเสียอย่างนั้น ดวงหน้าหวานถูกประคองกลับมาเพื่อป้อนจูบหนักๆ ลู่หานครางหอบแผ่วๆ พลิกกายกลับมาแล้วซุกหน้าเข้าหาอกแกร่ง เพื่อแตะริมฝีปากลงบนหัวใจของคนที่ได้ชื่อว่าสามี

“อี้ชิง...”

แตะไม่ถึง...
คนตัวเล็กชะงักค้างกับความสุขที่ถูกกระชากลงเหวอย่างแรง อีกฝ่ายรั้งเขาเข้าไปจูบ จูบอย่างหวานนัก...เหมือนรอคอยมาแสนนาน
“...ข้าชอบเจ้านะ...”
มือแกร่งลากไล้แก้มขาวอย่างอ่อนโยน ขณะที่น้ำตาของลู่หานไหลออกมาเป็นสาย มือบางแตะลงบนอกแกร่ง หัวใจของอีกฝ่ายอยู่ที่ตรงไหนกัน


...เขาสัมผัสไม่ได้เลยสักนิดเดียว...




READ CONTINUE...





วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

CHAPTER 3





“หนาว...”
คนตัวเล็กบ่นเบาๆ ก่อนจะแทบตบปากตัวเองเมื่ออีกคนประชิดเข้ามาใกล้เหมือนรออยู่ก่อน มืออุ่นแตะลงบนเอวบางที่ยังมีร่องรอยของอีกฝ่ายอยู่เต็ม ลู่หานสะดุ้งเฮือกกับไออุ่นที่ส่งผ่าน ร่างสูงบอกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์หากแววตากลับลุกวาว
“ยกขาขึ้นสิ”
ลู่หานเม้มปากแน่น พยายามไม่อิงไออุ่นของอีกฝ่ายแม้ว่าลมหนาวมันจะเริ่มต้องกายสักแค่ไหน หากสุดท้ายองค์ชายหนุ่มกลับดันเขาชิดอกเหมือนจะกอด ยกขาเรียวทั้งสองของเขาขึ้นเสียเอง
มือเย็นเยียบนั้นควานหาบาดแผล ขณะที่ดวงตาหลุบมองดวงหน้าหวานที่แดงเรื่อยเพราะมันไต่ตั้งแต่ขาอ่อนมานัวเนียรอบปากทางรักที่บวมเป่งขึ้นมาเพราะอักเสบจากภายใน ลู่หานเผลอซุกหน้าซ่อนแก้มที่แดงจัดกับอกของอีกฝ่าย เรียกอารมณ์อยากรังแกของคนมอง นิ้วเย็นๆ นั่นเลยนัวเนียอยู่ที่ปากทางเข้า ไม่ยอมผลุบเข้าไปทาแผลเสียที
“ทำเร็วๆสิ”
เสียงเร่งเร้าเหมือนรำคาญ หากก็อ้อนในที่ทำเอาคนอยากแกล้งแสร้งดันนิ้วเข้าไปแรงๆ
ลู่หานครางออกมาเบาๆ ร่างกายของเขากำลังตอดรัดปลายนิ้วเย็นนั่นโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้อุณหภูมิของคนตัวสูงร้อนวาบขึ้นมาในทันที
ยิ่งก้มมองดวงหน้าของคนที่กำลังสั่นสะท้าน แก้มใสนั้นแดงก่ำ ขณะที่แพขนตาหนาที่หลับแน่นกำลังสั่นระริก เรียวปากเล็กสีสดนั่นกำลังขบแน่นกลั้นความซ่านเสียวของตัวเอง องค์ชายหนุ่มชักนิ้วออก ก่อนจะผละมาเปิดถ้วยยา
“แยกขาออก”
คำสั่งราบเรียบทำเอาคนที่ต้องถูกกระทำเม้มปากแน่น เหลือบตาขึ้นมองอย่างคาดโทษเล็กน้อย ก่อนจะขยับเรียวขาขาวให้แยกออก ร่างสูงดึงเบาะมาซ้อนให้สะโพกกลมกลึงนั้นสูงขึ้น เพื่อให้ปากทางสีสดนั้นมองเห็นได้ชัด เขาเริ่มรู้สึกทรมาน...เพราะยังจำรสรักของมันได้เป็นอย่างดี
“อะ...อ๊ะ...!”
ลู่หานถึงกับหลับตาแน่น เพราะทั้งปลายนิ้วที่ชำแรกแทรกลงมาในเรือนร่าง ไหนจะความร้อนแสบที่ได้รับจากตัวยานั่นอีก แทบจะทำให้น้ำตาของเขารินไหลเลยด้วยซ้ำ คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างสูงควานปลายนิ้ว เหมือนอยากจะป้ายตัวยาให้ทั่วทิศ หากอาการสะท้านครางนั่นกลับเพิ่มความอันตรายให้กับตัวเองยิ่งนัก
“อ๊ะ...อะ...เบาหน่อย องค์ชาย...ตรงนั้นมัน...”
เท้าเรียวจิกฟูกนอนจนเลือดฝาดไปทั้งกาย สะโพกสวยแอ่นขึ้นพร้อมกับทั้งร่างที่สะท้านหอบ เป็นผลมาจากปลายเล็บคมสะกิดตรงจุด ลู่หานเผลอกระดกสะโพกรับนิ้วเรียวของอีกฝ่ายด้วยความกระสัน แรงกำหนัดทำให้เขาปรือตามองคนกระทำอย่างอ้อนวอนโดยไม่รู้ตัว
เสียงหัวเราะเบาๆขององค์ชายผู้เกษมสันต์...เรียกให้คนตัวเล็กรู้สึกอับอายจริงๆ
อาจจะเป็นเพราะเคยเสพสมกายกัน มันเลยทำให้ร่างน้อยๆรู้สึกมากกว่าแรงสัมผัสจากคนอื่นๆ เขาถึงได้ว่ากันว่าเมื่อผู้ชายมีอะไรกับผู้ชาย จากที่ไม่เคยคิด ก็อาจจะคิดได้ ดวงหน้าหวานแดงเป็นปื้น ซุกไซร้ที่เบาะกว้าง ก่อนจะร้องอุทานเมื่ออีกคนรั้งร่างของเขาไว้บนตักอุ่น
“อะ...อะไร...”
ไม่รู้หรือยังไง ว่าเราไม่ควรขณะที่เขายังเจ็บแผล หรือว่านี่ไม่คิดจะถนอมกันเลยสักนิดเดียว
คิดเพียงเท่านั้นอารมณ์น้อยใจประหลาดก็แล่นพล่าน แม้ว่าอีกคนจะก้มลงไซร้จูบที่แก้มใน นัวเนียมาจนถึงริมฝีปากอย่างอ่อนโยนก็ตามที่ ร่างสูงกระซิบถามแนบใบหูนิ่ม
“บอกข้ามาสิ... ‘ตอแหล’ แปลว่าอะไร”
บอกไปก็โดนสิ...
ลู่หานกัดปากอย่างดื้อๆ ก่อนจะเผลอครางออกมาเบาๆ เมื่ออีกคนละนิ้วออกจากช่องทางคับแคบแล้วป้ายยาเพื่อบรรจงทาแผลที่เดิม เนื้อตัวเขาร้อนเป็นไฟ เพียงสะกิดเล็กน้อยก็สามารถสานต่อได้ในตอนนี้
คิดอีกที ไม่บอกก็โดนอยู่แล้วนี่ และอาจจะทรมานมากกว่าเก่าด้วย
“โกหก...มันแปลว่าโกหก...” คนตัวเล็กที่เกาะเกี่ยวบ่ากว้าง ช้อนตาคาดโทษมองมาโดยไม่รู้ว่ามันแลหวานเยิ้มขนาดไหน เรียวปากฉ่ำแดงเล็กๆนั่นเอ่ยคำบริภาษดังใจ “...คนโกหก”
คนโกหกหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวลงจูบเบาๆที่เรียวปากนิ่ม หวานเหมือนโดนป้ายด้วยน้ำผึ้งก็ไม่ปาน ลู่หานตอบรับมันราวกระหายอยาก ก่อนจะครางชิดแผ่นอกเมื่ออีกฝ่ายลูบไล้บางอย่างแผ่วเบา
“ราชวงศ์จะไม่โกหกใคร นี่คือเกียรติของเรา...” จูบนั้นไซร้เบาๆที่ข้างแก้ม สูดลมหายใจลึก แก้มใสนั้นนุ่มเนียนราวกลีบดอกไม้ก็ไม่ปาน “...แต่ตอนนั้นเจ้าน่ารักนัก ข้าเลยเผลอไป อภัยให้ข้าด้วย”
คนถูกชมลืมตาโพลง ความกรดากอายซาบซ่านไปทั้งกายจนไม่กล้าสบประสานสายตาคนพูด แล้วยิ่งอยากแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงแรงดุนดันจากเครื่องรักของอีกฝ่ายที่เคยกัดกินเขานับไม่ถ้วนนั่น
ร่างสูงแตะเบาที่ปากทางเขาที่ชมพูเข้มพร้อมกระซิบถาม ทำราวกับเกรงใจเสียอย่างนั้น
“ยังเจ็บอยู่มั้ย”
ลู่หานซุกหน้าลงกับอกของอีกฝ่าย ไม่ขอสบสายตา ได้แต่ผงกศีรษะรับ ท่าทางน่ารักนักจนคนตัวสูงต้องเชยคางเรียวขึ้น ไล่พินิศดวงหน้าหวานของพระชายาตัวเอง เขาชอบ...ที่เห็นดวงหน้านี้ยามเกิดอารมณ์ เขินอาย หรือแม้กระทั่งอัดอั้นจนน้ำตาไหลริน
เหมือนแกล้งเด็กเล็กๆที่น่าจูบไปทั้งตัว เหมือนลูกกวางที่เคยเลี้ยงเมื่อยามเล็ก มันพยศ หากก็ออดอ้อนยิ่งนักยามต้องการ
“อ๊ะ...!”
ลู่หานเผลอผวากัดเสื้อของอีกคนเมื่อฝ่ามืออุ่นนั่นล้วงมาปรนเปรอส่วนหน้าที่ชูชัน มือบางจิกเนื้อผ้าของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น กลั้นเสียงครางอื้ออึงโดยการขบเบาๆที่ไหล่กว้าง ในสายตาของคนตัวสูง ไม่ต่างกับลูกแมวน้อยสักตัวที่หยอกเล่นกับเจ้าของ แทบไม่มีความเจ็บหรือปวดเลยแม้แต่น้อย แต่พอรู้สึกถึงมือเรียวที่กำเสื้อแน่นก็คลายสงสัย คงกลัวว่าเขาจะลงโทษกระมัง
ความพึงพอใจนั้นมีมากขึ้นเรื่อยเมื่ออีกฝ่ายหลุดครางเสียงหวาน พรางช้อนดวงตากลมโตแทบจะหยดนั่นขึ้นมองเขาอย่างเว้าวอน ร่างสูงประทับจูบที่หน้าผากขาวชื้นเหงื่อ กำลังยกสะโพกผายกลมกลึงขึ้นเพื่อกลืนกินร่างเล็กๆในอ้อนแขนนี่ หากองค์ชายหนุ่มก็สำเหนียกได้ว่า หลังจากนี้ในตอนพลบค่ำ...อีกฝ่ายจะต้องเฉิดฉายพร้อมเขาที่งานเลี้ยงต้อนรับราชทูต
หากปวดแผลมาก...คงไม่ดีแน่
“เจ้าช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่”
“อะ...อะไรนะ”
ลู่หานถามเสียงหอบสั่น เขากำลังจะถึงที่สุด อีกคนรวบกระตุกทำเอาร่างเล็กครางออกมาเสียงดังกับการปลดปล่อยครั้งสุดท้าย แล้วก็แทบจะหมดเรี่ยวแรงไปกองที่พื้นฟูก
“ช่วยข้า”
คำพูดนั้นราวคำนั่ง ลู่หานมองความต้องการที่คับแน่นของอีกฝ่ายที่ชูชันท้าสายตา เขาช้อนตาขึ้นมองอีกคน ไม่มีวี่แววเดียดฉันท์เหมือนแรกคืนวันแต่งงาน ไม่สิ...หากเอาแต่ใจก็คงจะทำไปแล้ว เย็นนี้คงมีงานพิธี เจ้าตัวคงห่วงเขา
ไม่สิ...ห่วงกลัวว่าพิธีจะเสีย
“เร็ว”
คำเร่งเร้าทำเอาลู่หานแทบมองค้อน หากสุดท้ายก็ยอมลากไล้ปลายลิ้นตั้งแต่สุดปลายขึ้นต้นโคน เสียงครางเบาๆขององค์ชายหนุ่มบ่งบอกว่ากำลังพึงพอใจมากแค่ไหน ลู่หานประคองมันเข้าไปในริมฝีปากนิ่มร้อนของตนเอง เขาเงอะงะอยู่บ้าง หากก็พยายามไล้เลียความต้องการนั้นโดยไม่กล้าช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่ายเลยสักนิด มือแกร่งขยุ้มเส้นผมของเขาเหมือนเร่งเร้า ขณะที่สะโพกหนาก็เริ่มขยับน้อยๆชวนให้ลู่หานต้องเร่งจังหวะตามอีกฝ่าย เขาแทบจะเบือนหน้าหนีเมื่อรู้สึกทรมานขึ้นเรื่อยๆ ปวดเมื่อยรอบริมฝีปากหากก็ไม่กล้าหยุดการสนองตัณหาของอีกฝ่าย แต่ทว่า...คนตัวสูงเหมือนจะเห็นความทรมานนั่น เลยดันดวงหน้าหวานออก ก่อนจะช้อนขึ้นมาประทับริมฝีปาก จับสะโพกนิ่มมาเสียดสีกับความต้องการที่เริ่มปลดปล่อยเชื้อพันธุ์สูงศักดิ์ออกมาแค่เพียงปริ่มๆ คนตัวเล็กนี่ช่วงกระไร ส่ายสะโพกบดบี้มันจนน้ำรักขาวขุ่นเปรอะเลอะไปเสียหมด
เสียงประทับจูบดูดดุนดังขึ้นในห้องกว้าง ร่างสูงผลมาก่อนจะเอียงหน้าประทับลงไปอีกซ้ำๆราวกับหลงใหล ลู่หานตอบรับมันทุกจังหวะ ราวถูกสะกดจิต การกระทำนี้อาจจะไม่อ่อนโยนมากนักหากก็เร่าร้อนยิ่ง คนตัวสูงผละมาเมื่อพึงพอใจกันทั้งสองฝ่าย



READ CONTINUE...




วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558

CHAPTER 2-2





“ไม่เจ็บ...” คำปลอบนั้นราวกับปลอบเด็กกำลังจะฉีดยา “...คราวนี้จะไม่ทำเจ้าเจ็บ...”

ริมฝีปากหยักกดแนบลงมาอีกครั้งราวกับปลอบประโลมให้คนตัวเล็กหายกลัว ลิ้นร้อนแตะเบาๆบนเรียวปากนิ่ม ครานี้คนตัวเล็กยอมเผยอให้มันแทรกเข้าไปแต่โดยดีเมื่อรู้ว่าคงไม่อาจต้านทาน ร่างสูงประคองท้ายทอยของอีกฝ่ายขึ้นเพิ่อกดจูบให้ลึกซึ้งกว่าเก่า ลู่หานดันอกอีกคนออกหลังจากถูกช่วงชิงลมหายใจไปนานพอควร

คนตัวเล็กหลุบตาลงต่ำ หากอีกคนก็ก้มหน้าลงมาปล้ำจูบอีกครั้ง ลิ้นร้อนไล้เลียลิ้นนิ่มพลางสำรวจไปทั่วภายในเรียวปากนิ่ม ลู่หานครางฮือประท้วงเมื่อเริ่มหมดลมอีกรอบ ร่างของเขาถูกโอบกอดพร้อมลากไล้ฝ่ามือทั่วแผ่นหลังบอบบางที่สะท้านขึ้นมาแนบชิดกับผู้ถูกกระทำ ร่างสูงผละจากมาประทับจูบที่แก้ม ปาก คาง คิ้ว ไล้ฝ่ามือลงบนแก้มนิ่มของคนที่เพียรก้มหน้าหลบสายตา ปัดผ่านแพขนตาหนา มันนุ่มเนียนดีจริงๆ

“เพราะผม...มีประโยชน์ใช่มั้ย”

คำถามราวตัดพ้อดังขึ้นโดยที่แม้แต่คนถามก็ยังไม่รู้ตัว คนถูกถามนิ่งไปนิด ก่อนจะผละออกมาดึงมือขาวเนียนไปไล่จุมพิต ลู่หานขยับตัวนอนตะแคงใต้ร่างของอีกฝ่าย เซฮุนก็กดจูบลงมาบนบ่าเนียนห่มคลุมไปด้วยผ้าแพรของชนชั้นสูง ปลดสายรัดเอวออกอย่างรวดเร็วแล้วเลื่อนฝ่ามือแกร่งเข้าลูบไล้ผิวกายนวลเนียนด้านใน วางลงบนหน้าอกขาวบอบบางก่อนจะบดขยี้น้อยๆ ที่ยอดถันเต่งตึงขึ้นสู้มือของเขา ลู่หานผวาเกร็งหลบฝ่ามือ หากกลับกลายเป็นว่าแผ่นหลังของเขาเสียดสีกับแผ่นอกของคนที่นอนซ้อนกันอยู่ ริมฝีปากหยักประทับลงบนใบหูนิ่ม ก่อนจะส่งปลายลิ้นเข้าตวัดแตะป่ายตามใบหูนิ่ม สัมผัสเหนอะหนะทำเอาลู่หานหลับตาแน่น พร้อมด้วยดวงหน้าที่แดงเป็นเปื้อน เขาหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อมือนั้นลากจากแผ่นอกผ่านมาหน้าท้อง เลื่อนมายังความเป็นชายที่สงบนิ่ง

“ระ...รัชทายาท...”

ดวงหน้าหวานเบือนมามองคนกระทำ ดวงตาหวานช่ำปรือปรอยลงโดยธรรมชาติ วาววับด้วยน้ำตาอย่างไม่ตั้งใจ เรียวปากแดงก็บวมเจ่อชวนให้โน้มลงจุมพิตอีกครั้ง ลู่หานผวาคว้าเกาะเกี่ยวไหล่กว้าง เลื่อนมายังท้ายทอยของอีกฝ่าย รู้สึกละอายใจเมื่อเผลอตอบสนองอีกคน หากเขาก็ครางแนบชิดเรียวปากหยักเมื่อส่วนปลายของความเป็นชายถูกปลายนิ้วของอีกฝ่ายบดขยี้ เผลอกระดกสะโพกขึ้นรับแรงสัมผัสนั่น ขาเรียวอ้าออกและจิกลงบนผ้าปูนอนอย่างรัญจวนใจ ความเสียวไล่พล่านทั่วมวลท้อง พาลให้หัวใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ ลู่หานเริดหน้าขึ้นให้อีกคนประทับจูบที่ลำคอระหงอย่างยินยอม

เขาคงไม่ได้อยู่ในสถานะที่ขัดขืนคนตรงหน้าได้ มีแต่ต้องยอมเท่านั้น

ผ้าแพรราคาสูงเลื่อนหลุดจากผิวขาวจัด ลู่หานหอบหายใจในความมืดช้อนตาสบดวงตาสีดำเข้มของอีกฝ่ายที่จับจ้องมาอย่างโหยกระหาย ขณะที่ริมฝีปากหยักยังประทับที่แผ่นอกบอบบาง ดูดดุนเม็ดทับทิมสีหวานจนเกิดเสียในความเงียบ คนตัวเล็กครางแผ่ว ก่อนจะรั้งดวงหน้าคมนั้นมาประทับจูบอีกครั้ง ขณะที่สะโพกนิ่มถูกจับมาถูไถที่เอวแกร่งน้อยๆราวกับระบายความร้อนผ่าวที่เกิดขึ้น บางอย่างที่สัมผัสทักทายกัน ทำเอาลู่หานหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

มือร้อนแตะเบาที่ทางเขาสีชมพูสวย ดุนดันปลายนิ้วเข้าไปทำเอาร่างเล็กเผยอปากครางเห็นไรฟันขาวจัด เสียงหัวเราะของผู้เหนือกลัวดังขึ้น ร่างสูงกระซิบเบาๆ

“รู้สึกดีใช่มั้ยเล่า”

ปลายนิ้วเรียวที่อยู่ด้านในขยับเพียงเล็กน้อย ลู่หานก็ผวาเกร็งทั้งร่าง ช้อนตามองอีกฝ่ายอย่างอ้อนวอน ด้วยดวงหน้าที่ร่างสูงจะไม่ยอมให้ใครได้เห็นมันเป็นอันขาด

นิ้วของเขาผูกสัมผัสรอบด้าน ช่างทางด้านล่างขมิบรัดอย่างบ้าคลั่งจากรอบสารทิศทำเอาเขาแทบคลุ้มคลั่ง อยากจะกลืนกินร่างเล็กเสียเดี๋ยวนี้ หากทว่ายังไม่ได้...ยังไม่ได้หรอก

“อ้อนวอนมาสิ”

เสียงกระเส่าทรงเสน่ห์ทำเอาลู่หานที่กำลังซุกหน้าลงกับบ่ากว้างเปล่าเปลือยนั้นเม้มปากแน่น เขาขยับสะโพกหนีนิ้วร้ายนั้นเป็นคำตอบ หากสิ่งที่ได้รับกลับกลายเป็นเอวบางถูกรวบ ร่างสูงผละกายออกห่าง ลู่หานก็หลับตาแน่นไม่ยอมมองหน้าคนกระทำ

“เจ้านี่มัน...ดื้อจริงๆเลยนะ”

คำพูดราวเอ็นดูนักหนา ดังขึ้นมือมือเขียวจับปลายคางมนส่ายไปมา ลู่หานเอื้อมมือสั่นๆไปจับฝ่ามือของอีกฝ่าย พร้อมดึงออกจากกายพร้อมเสียงคราง ลืนตาขึ้นมองอีกคนที่มองเขาอย่างไม่พึงพอใจพร้อมกับเอ่ยเสียงเครียด

“คุณนั่นแหละ ทำเป็นใจร้าย แต่จริงๆก็หลงผมแล้วล่ะสิ”

คำพูดนั้นเรียกประกายตาประหลาดจากคนฟัง ร่างสูงก้มหน้าลงบดขยี้เรียวปากนิ่มของคนที่ปากเก่ง กัดงับเบาๆแล้วดึงมันเล่นอย่างหมันเขี้ยว ลู่หานช้อนตาขึ้นมองอย่างไม่เกรงกลัวสักเท่าไหร่ เขาสะดุ้งเฮือกเมื่อขาเรียวถูกจับแยกออกกว้าง ร่างสูงขยับกายเพื่อให้สอดใส่ได้ถนัด มองอีกคนอย่างเหนือกว่า แล้วอดที่จะยิ้มอย่างชอบใจไม่ได้เมื่ออีกคนเอื้อมมือมาหยิบเอาเศษผ้ามาปิดหน้า ยังไงก็คงจะละอายอยู่มากสินะ

“เอาออกสิ...” ดวงตาสีเข้มพราวระยับมองเรือนร่างงดงามใต้ร่างนั่น “...ข้าอยากเห็นหน้าของเจ้านะ”

คำพูดเหมือนออดอ้อน ทำเอาลู่หานขยับเปิดตาขึ้นมองหน่อย ก่อนจะปิดลงอย่างเก่าพร้อมบอกเสียงอู้อี้

“จะทำก็ทำไปสิ พูดมากอยู่ได้”

คำพูดน่าเอ็นดูนั้นเรียกยิ้มกว้างจากคนที่มองอยู่ ร่างสูงหลุบสายตามองช่องทางรักของอีกฝ่าย ก่อนจะจับแกนกายของตนเองให้ดุนดันเข้าไปด้านใน รู้สึกได้ถึงอาการผวาของคนตัวเล็ก ลู่หานยกมือขึ้นมาดันหน้าท้องแข็งแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั่น พลางช้อนตามองอย่างตัดพ้อ กัดปากอย่างเคืองๆ

ไหนบอกว่าไม่เจ็บไง

แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ที่นี่ไม่ใช่ยุคปัจจุบันที่สารหล่อลื่นให้เพศเดียวกันยามร่วมรัก ลู่หานเลยได้แต่กัดปากแน่นอย่างอดทน ยอมนอนนิ่งๆให้แกนกายนั่นเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพางค์ของตนเอง ร่างสูงขบกรามแน่นจนนูนเป็นสันกับความคับแคบที่สัมผัสได้ แรงตอดรับไม่เป็นจังหวะเพราะความเกร็ง กำลังกลืนกินตัวตนของเขาเข้าสู่ห้วงหฤหรรษ์ หยาดเหงื่อไหลรินลงบนเรือนกายขาวจัดที่แดงเรื่อไปทั้งกาย เพราะความเจ็บปวดและความรู้สึกซาบซ่านไปทั่ว

“อืม อา....”

ร่างสูครางเสียงกระเส่าทำเอาคนฟังหน้าแดงเรื่อ ผ้าที่ปิดหน้าอยู่ถูกดึงออก มือที่พยายามจะยื้อเอาไว้ก็ถูกรวบไว้ เซฮุนรั้งร่างของพระชายาตนเองมาไว้บนตักแกร่ง พลวงมองดวงหน้าหวานที่บิดเบี้ยวด้วยรัญจวนใจ

เขาจับมือเล็กเกาะเกี่ยวบ่ากว้าง พร้อมกระซิบแผ่ว

“เกาะเอาไว้”

ลู่หานผวาเกาะตามคำสั่งพร้อมซุบหน้าลงบนหัวไหล่ชื้นเหงื่อของอีกฝ่าย ก่อนจะครางออกมาไม่เป็นภาษาเมื่ออีกคนยกสะโพกนิ่มขึ้นเพื่อกระแทกกายเขาลงไปหาความเป็นชายที่ชูชั้นเหมือนอสรพิษร้ายที่เตรียมกัดงับเหงื่อ มือเรียวแปะป่ายบนแผ่นหลังก่อนจะจิกเล็บตามความรัญจวนใจ ขาเรียวถูกจับแยกกว้างมากขึ้นพร้อมๆกับแรงกระแทกกระทันของคนที่อยู่เหนือเขา ทุกอย่างรุนแรง และรวดเร็วจนหายใจไม่ทัน

“อ๊า! อ๊า! อ๊ะ...!! เดี๋ยว! เดี๋ยวนะ...!! อ๊าาาาา!!

ร่างเล็กแทบขาดใจเมื่ออีกคนหมุนวนร่างเขาพร้อมบดขยี้กายแกร่งลงมาจนความซ่านเสียวบาดลึกถึงกระดูก ได้แต่เชิดหน้าครวญครางเสียงดัง ริมฝีปากหยักประทับลงมา ดูดกลืนเสียงหวาน ในตอนนี้ลู่หานผวาโน้มลำคอของอีกคนเพื่อจูบตอบ อาจจะไม่อ่อนโยน หากก็เร่าร้อนนัก

มือแกร่งลากไล้ตามผิวขาวเนียนที่ชื้นแฉะไปด้วยหยาดเหงื่อ ลูบไล้ต้นขาขาวที่สั่นระริกขณะที่โถมกายใส่ไม่ยั้ง เสียงหอบหายใจกระเส่าสลับกับครวญครางดังขึ้น ร่างเล็กส่ายหน้าอยู่ตรงแผงอกเมื่อเขาคว้าความต้องการของอีกคนมารูดรั้ง

น้ำสีขาวขุ่นทะลักเต็มฝ่ามือแกร่ง เขาจับอีกฝ่ายให้หันหลังให้ทั้งๆที่เรือนกายยังอยู่ในร่างเล็กนั่นๆ  ลู่หานเท้าตัวลงกับฟูกนอน รับรู้สึกแรงโถมกายที่ทำเอาเขาสั่นโยนไปด้านหน้า ขณะมือที่มือของอีกคนยังปรนเปรอเขาอยู่

พายุอารมณ์โถมกระหน่ำ ก่อนที่ร่างสูงจะกระแทกกายครั้งสุดท้ายลงไปแล้วแช่กายนิ่งให้หยาดรักพวยพุ่งเข้าใส่เรือนกายขาวจัดของอีกฝ่าย ร่างสูงทรุดตัวลง ผละกายจากมา พลิกร่างสั่นระริกของอีกฝ่ายให้หันมาเผชิญหน้า ลู่หานหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ขณะที่ริมฝีปากของเขาถูกฉกฉวย พะเน้าพะนอ เหมือนขอให้จูบตอบ ก่อนที่เขาจะสมยอมแต่โดยดี

“เจ้าเคยจุมพิตกับใครมาก่อนใช่หรือไม่”

ร่างสูงกระซิบแนบเรียวปากนิ่ม ไล้ข้างแก้มของอีกฝ่าย ลู่หานเผลอซุกหน้าเข้าเบียดร่างสูงของอีกฝ่าย แบ่งปันไออุ่นอย่างเผอเรอ เพราะอากาศตอนกลางคืนของโชซอนนั้นค่อนข้างจะหนาวเย็น

“อื้อ...”

“เคยใช่หรือไม่”

“...กับแฟน...” ลู่หานครางตอบ ง่วงจะตายอยู่แล้ว

“แฟน?

“คนรักของผมน่ะ สมัยเรียนมัธยม” 

ลู่หานงึมงำตอบ อีกคนทำหน้ายังไงเขาไม่รู้ เพราะกำลังหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน อยากจะนอนเต็มแก่ หากกลายเป็นว่าร่างสูงผลักร่างของเขาออก ลู่หานขยับตัวดึงผ้าห่มมาห่มอย่างไม่สนใจ คิ้วเรียวขมวดแน่นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสชื้นแฉะที่ความต้องการอันสงบนิ่งของเขา

“อ๊ะ...!...”

คิ้วเรียวขมวดแน่น มือบางกำผ้าปูเตียงอีกรอบพร้อมเผลอกระดกสะโพกรับสัมผัสนั้นตามธรรมชาติ ดวงตาคู่สวยปรือขึ้นมอง ร่างสูงที่กำลังแหวกขาเรียวของเขาเพื่อชำเราส่วนลับด้วยริมฝีปาก

“...คะ...คุณ...”

ลู่หานเผยอปากครางเสียงสั่น ร่อนสะโพกรับความอุ่นร้อนชื้นแฉะนั่น มือบางเอื้อมไปสัมผัสศีรษะของอีกฝ่าย จิกแน่นพร้อมดึงดันผลักไสออกจนเป็นผล

ไม่สิ...

อีกฝ่ายเพียงแค่ตัดสินใจคืบคลานมาประกบริมฝีปากกับเขา รสจูบคราวนั้นดุดันกว่าครั้งเก่า เร่าร้อนจนแทบละอาย จมูกโด่งและริมฝีปากหยักพรมสัมผัสชื้นที่หลังใบหู กระซิบเบาๆขณะที่เคล้นคลึงรูดสาวจุดรวมความรู้สึกของร่างเล็กให้บิดเร่า

“เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะหยุดอยู่แค่นี้สินะ”

ลู่หานกัดริมฝีปากของตนเองพร้อมสูดหายใจอย่างซ่านเสียว ขณะที่อีกคนไล่จูบบนดวงหน้าเขา ก่อนที่เขาจะทำได้เพียงครวญครางอยู่ใต้ร่างสูงแกร่งที่ขยับกายอย่างรุนแรงทุกครั้งที่คลื่นอารมณ์ถาโถมลงมา

**


READ CONTINUE...






วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

CHAPTER 2-1






หากพูดถึงชนชั้นสูงจากต้าชิง...
...ไม่มีอะไรจะห้ามองค์ชายรัชทายาทให้ทรงไพร่ไปถึงพระเชษฐาต่างมารดาได้...
...ในตำหนักแดงที่เร้นลับ องค์ชายหนึ่งอันเกิดจากพระราชินี องค์ชายที่ควรได้ครอบครองบัลลังก์หากมิใช่เพราะเหล่าขุนนางที่รักในสายเลือดบริสุทธิ์ของโชซอน...
...สงบเสงี่ยม เจียมตัวว่าโดดเดี่ยว และยอมพ่ายแพ้ดีกว่าดิ้นรนเอาชนะ...
...นั่นคือต้าชิงเพียงคนเดียวที่องค์ชายเซฮุนรู้จัก ต้าชิงที่สร้างบาดแผลทางใจ และไม่ว่าจะมองมุมใด เซฮุนก็ยังคงรังเกียจในมหาอาณาจักรนี้อย่างเหลือแสนนัก...
...แต่ต้าชิงคนนั้น ช่างต่างจากต้าชิงคนนี้ ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานัก
“ปล่อยผมนะ!! นี่!! บอกให้ปล่อยไงเล่า!!?”
ดื้อพยศเหมือนม้า...ไม่สิ เหมือนกวางมากกว่า กวางป่าที่ไม่ยอมเชื่อง แม้จะไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงทำให้ผู้อื่นเจ็บ ตื่นผู้คนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของมนุษย์ที่พามันมา หากองค์ชายอี้ชิงเหมือนกระต่ายบ้านที่แสนเชื่อง องค์ชายลู่หานก็ไม่ต่างจากกวางหนุ่มคึกคะนองที่แสนพยศ แต่องค์รัชทายาท...ทรงรู้จักวิธีการปราบพยศ
เบาะสีขาวกว้างเหมือนสมรภูมิศึกเมื่อจับโยนร่างน้อยนั่นลงไป ดูเอาเถอะ บอบบางขนาดเบาะขาวยวบไม่เท่าไหร่ หากก็ยังเงยหน้าขึ้นมาถลึงแววตาจ้องมอง จะว่าไปเมื่อราตรีก่อนก็ไม่ได้พินิจมากมายถึงขนาดในเช้าวันนี้
ลู่หานผงะถอยห่างอีกฝ่าย ดวงตามองระแวดระวังราวกวางน้อยที่ตื่นมาเจอคนแปลกหน้า ถอยเพื่อเพิ่มระยะห่าง หากแลมองการคุกคามของอีกฝ่ายเขาก็แข็งใจเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว
“มีแค่บนเตียงนี้เท่านั้นแหละที่คุณจะชนะผมได้”
คำพูดนั้นเรียกประกายตาจุดวาบ พร้อมด้วยเรียวปากหยักที่ขยับยิ้มเยาะ เอื้อมมือมาขยุ้มผ้าสีแดงที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่ กระชากรวดเดียวมาอยู่ในอาณัติอย่างง่ายดาย พร้อมเอ่ยอย่างหยันเยาะใส่ดวงหน้าตระหนกนั่น
“งั้นข้าขอดื่มด่ำกับชัยชนะครั้งนี้ให้สาแก่ใจเถอะนะ”
มือบางถูกรวบขึ้นเหนือหัว ขณะที่คนใต้ร่างมองมาอย่างเจ็บแค้นนัก ร่างสูงก็โน้มดวงหน้าลงมาขยี้ริมฝีปากอิ่ม ขบกัดจนมันได้เลือดและแดงเห่ออย่างน่ากลัว ลู่หานสบถในใจ สัมผัสแบบนี้แทบจะไม่แตกต่างจากคืนวานเลยสักนิดเดียว สัมผัสที่อยากจะหนีไปให้ไกลๆหากก็ทำไม่ได้
ทำไมจะต้องเป็นเป็นเขา
ทำไมดวงวิญญาณนี้จะต้องมาอยู่ในร่างของเขาด้วย
ทำไม
คำถามนั้นวนเวียนซ้ำไปมาเมื่ออีกคนประทับจูบไซร้อย่างรุนแรงที่แนวกรามสวย เสื้อที่สวมใส่ถูกกระชากออกจนคนใส่รู้สึกเจ็บ ร่างสูงผละมาสบสายตาเขา ด้วยสายตาที่ไม่ยอมคน
เลือดหนุ่มขององค์ชายรัชทายาทร้อนผ่าว ภาพด้านล่างมันเย้ายวนเกินไป ทั้งดวงหน้าหวานล้ำ ปากนิด จมูกหน่อย ดวงตางามโตที่เขม่นมองเขาราวกับลูกกวางระแวงภัย ไหนจะผิวขาวๆที่มีร่องรอยรักผุดผาดราวกับกลีบเหมยกระจายอยู่บนพื้นหิมะ
เชื้อพระวงศ์แห่งต้าชิงเป็นเช่นนี้ทุกคนหรือ เขาเริ่มทอดถอนใจในหัวอก งดงามอย่างลึกล้ำ เพียงแค่มองก็อาจจะถลำลึกลงไปได้
ดีจริงๆที่เป็นบุรุษ เพราะไม่ว่าจะรุนแรงขนาดไหน ก็คงจะชอกช้ำหรือมีเชื้อไขให้สู้หน้ากันไม่ติดใช่หรือไม่
คิดได้เช่นนั้นเรียวปากหยักก็ขยับยิ้มร้าย มือแกร่งเลื่อนขึ้นมาผสานมือเล็กๆแล้วบีบแน่น ลู่หานเบือนหน้าหนี เมื่ออีกคนซุกไซร้ดวงหน้าลงมาอีกครั้ง มันยังเหมือนเมื่อคืน มีแต่ความเจ็บ...ปะปรายกับสัมผัสวาบหวาม สัมผัสที่เจ็บจนอยากจะร้องตะโกน แต่ก็เปล่งเสียงไม่ออก ทำไม่ได้แม้แต่จะร้องไห้
“อ๊ะ...!”
ร่างเล็กผวาเฮือกเมื่ออีกฝ่ายตวัดมือขึ้นซ้อนหลังให้ได้กัดกินเนื้อนวลได้อย่างใจ รอยช้ำที่ช้ำอยู่แล้วถูกทำซ้ำ ที่ๆไม่เคยถูกประทับก็ประทับลงไปใหม่ มือร้อนที่ไล่สัมผัสอยู่แผ่นหลังยังให้ความรู้สึกเหมือนเดิม เช่นเดียวกับดวงตาที่มองผิวขาวๆสั่นระริกเพราะถูกรังแกยังคงคิดเห็นเช่นเดิม
...อยากจะกัดกินร่างนี้ให้แหลกลาญ...
ไม่ปล่อยให้เป็นแค่ความคิด เรือนกายนิ่มถูกฟ้อนเฟ้นอย่างหนักมือ ริมฝีปากแตะเบาที่ยอดถันสีอ่อนที่แข็งขืนก่อนจะขบกัดเสียเต็มแรง เรียกเสียงร้องออกมาเบาๆจากคนที่กำลังกำท้ายทอยเขาแน่นด้วยความเจ็บปวด สะโพกบอบช้ำถูกบีบแรงๆอย่างหมันเขี้ยว จนคนตัวเล็กครางออกมาเบาๆ
“ซะ...ซาดิส”
คำที่น่าจะเป็นคำก่นด่าดังขึ้น เซฮุนเลิกคิ้วขึ้นสูง หยุดการกระทำ ช้อนหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายพร้อมถามอย่างสงสัย
“ภาษาต้าชิงหรือ แปลว่าอะไรเล่า”
ลู่หานกัดปากแน่น ก่อนจะตอบอย่างไม่เกรงกลัว
“พวกชอบความเจ็บปวด โรคจิต!!”
“ซาดิส...” ร่างสูงทวนคำพูดนั้น ท่าทางจะถูกใจไม่น้อย “...ข้าชอบคำนี้”
ร่างของลู่หานถูกพลิกอย่างรุนแรง  พร้อมๆกับต้นขาถูกจับชันขึ้นสูง มือแกร่งล้วงลูบรอยแยกเล็กๆ พร้อมยัดนิ้วเรียวให้ผลุบเข้ารวดเดียวทำเอาร่างเล็กถึงกับสะดุ้งเฮือก ร่างสูงก้มลงกระซิบเบาที่ข้างใบหูนิ่ม เซฮุนควานนิ้วไปโดยรอบ กดผนังนุ่มชื้นที่ตอดรัดแน่น แทรกลึกเข้าไปซ้ำๆ พร้อมมองอาการสั่นสะท้านของอีกฝ่าย
“ข้าชอบ...ความเจ็บปวดของผู้ที่ข้าเกลียด”
“ละ...อ๊ะ แล้ว...! ผมไปทำอะไร...!! ฮื้ออออ เอานิ้วออกไป!!”
ลู่หานเผลอตวาดลั่น น้ำตารื้นเมื่อถูกชำเราด้านหลังอย่างหนักหน่วง อีกคนแย้มรอยยิ้มออกมาพร้อมๆกับถ่างนิ้วควานไปมา เป็นรอยยิ้มที่น่ารังเกียจนัก
“หึ...”
ลู่หานรับรู้ได้ถึงน้ำหนักที่ทาบทับลงมาจากด้านหลัง ก่อนที่อะไรบางอย่างจะถูกยัดเข้ามาสรรพางค์ในคราเดียวจนเขาผวาเฮือก ร่างสูงครางออกมาเสียงดัง เมื่อช่องทางด้านล่างตอดรัดเขาอย่างรุนแรงจนน่าพึงพอใจ ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายปรับร่างกาย องค์รัชทายาทขยับกายอย่างใจ ขณะที่ลู่หานผวากัดผ้าขาวแน่น เจ็บปวด ราวกับมีดแทงซ้ำๆ
“อืม อาาาา...อึก...”
ร่างสูงยกสะโพกเล็กขึ้นพร้อมควงกายไปมา ช่องทางเล็กขมิบตอบรัดไม่เป็นจังหวะ ชวนให้กระแทกซ้ำๆ เขาจับร่างนั้นพลิกมาเผชิญหน้า รู้สึกสุขสมอย่างสุดๆเมื่อเห็นแววตาเจ็บปวด หากทว่าดื้อรั้น
ก้มลงจูบหนักๆที่เรียวปากอิ่มนั่นอีกครั้ง พร้อมกระแทกกายลงซ้ำจนร่างเล็กเผลอปากคราง ร่างสูงชักกายออกมาจนเกือบหลุดก่อนจะกระแทกกลับเข้าไปซ้ำๆ สักพักเขารู้สึกได้ บางสิ่งบางอย่างดุนดันที่หน้าท้องแกร่ง ผละจากมาก็เห็นริ้วแดงบนดวงหน้าดื้อดึง ลู่หานคว้าเศษผ้ามาปกปิดดวงหน้าอย่างกระดากอาย เขาเจ็บปวด หากก็สุขสม จนร่างกายเกิดแรงปรารถนาอย่างน่าอายขึ้นจนได้
“หึ...”
รอยยิ้มของอีกฝ่ายที่เห็นได้จากช่องผ้า...เขาเกลียดนัก
ยิ่งตอนมือแกร่งแทรกปลายนิ้วเข้ามาในริมฝีปาก ก่อนจะเริ่มต้อนขยับกายจนเขาเผลอคราง ลู่หานกรีดร้อง เมื่อแรงเสียดสีนั้นกำจายความสุขไปทั่วร่าง ยิ่งตอนที่อีกคนแอ่นกายฉีดพ่นความอุ่นร้อนเข้ามาในเรือนร่างเขา เกลียดมาก...

...เกลียดจริงๆ...

 .
.
.
“พะ...พอ...พอเถอะ”
เสียงครางของคนสิ้นเรี่ยวแรงดังขึ้น ก่อนจะถูกบดขยี้เรียวปากอีกครั้ง สะโพกนุ่มถูกคว้าเอาไว้ เขาซอยสะโพกแกร่งเข้าแนบชิดอีกหลายครา ก่อนจะปลดปล่อยหยาดเชื้อเข้าสู่เรือนกายบอบช้ำ ขยับบดเบียดราวกับรีดกาย แล้วเลื่อนออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ลู่หานรู้สึกโล่งใจนักเมื่อมันจบลง เขาถูกกระชากขึ้นไปนั่งบนตักแกร่งพร้อมการประทับจูบที่รุนแรงบนขมับบาง ไล่จูบซ้ำๆบนดวงหน้าแดงปื้น เกลี่ยหยาดน้ำตาที่กลิ่งเกลือกราวน้ำคางบนผิวกลีบบุปผา ก่อนจะเลื่อนมาขยี้เรียวปากนิ่มแรงๆอีกหลายครา

ส่วนอ่อนไหวถูกฉวยมาบดบี้ ลู่หานเกาะไหล่อีกคนไว้แน่น ซบหน้าลงกับอกแกร่งพราวเหงื่อ บางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่เบื้องล่าง มันกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งหากทว่าไม่มีเสียงขันทีหน้าห้องดังขึ้น



READ CONTINUE...