วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

CHAPTER 2-1






หากพูดถึงชนชั้นสูงจากต้าชิง...
...ไม่มีอะไรจะห้ามองค์ชายรัชทายาทให้ทรงไพร่ไปถึงพระเชษฐาต่างมารดาได้...
...ในตำหนักแดงที่เร้นลับ องค์ชายหนึ่งอันเกิดจากพระราชินี องค์ชายที่ควรได้ครอบครองบัลลังก์หากมิใช่เพราะเหล่าขุนนางที่รักในสายเลือดบริสุทธิ์ของโชซอน...
...สงบเสงี่ยม เจียมตัวว่าโดดเดี่ยว และยอมพ่ายแพ้ดีกว่าดิ้นรนเอาชนะ...
...นั่นคือต้าชิงเพียงคนเดียวที่องค์ชายเซฮุนรู้จัก ต้าชิงที่สร้างบาดแผลทางใจ และไม่ว่าจะมองมุมใด เซฮุนก็ยังคงรังเกียจในมหาอาณาจักรนี้อย่างเหลือแสนนัก...
...แต่ต้าชิงคนนั้น ช่างต่างจากต้าชิงคนนี้ ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานัก
“ปล่อยผมนะ!! นี่!! บอกให้ปล่อยไงเล่า!!?”
ดื้อพยศเหมือนม้า...ไม่สิ เหมือนกวางมากกว่า กวางป่าที่ไม่ยอมเชื่อง แม้จะไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงทำให้ผู้อื่นเจ็บ ตื่นผู้คนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของมนุษย์ที่พามันมา หากองค์ชายอี้ชิงเหมือนกระต่ายบ้านที่แสนเชื่อง องค์ชายลู่หานก็ไม่ต่างจากกวางหนุ่มคึกคะนองที่แสนพยศ แต่องค์รัชทายาท...ทรงรู้จักวิธีการปราบพยศ
เบาะสีขาวกว้างเหมือนสมรภูมิศึกเมื่อจับโยนร่างน้อยนั่นลงไป ดูเอาเถอะ บอบบางขนาดเบาะขาวยวบไม่เท่าไหร่ หากก็ยังเงยหน้าขึ้นมาถลึงแววตาจ้องมอง จะว่าไปเมื่อราตรีก่อนก็ไม่ได้พินิจมากมายถึงขนาดในเช้าวันนี้
ลู่หานผงะถอยห่างอีกฝ่าย ดวงตามองระแวดระวังราวกวางน้อยที่ตื่นมาเจอคนแปลกหน้า ถอยเพื่อเพิ่มระยะห่าง หากแลมองการคุกคามของอีกฝ่ายเขาก็แข็งใจเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว
“มีแค่บนเตียงนี้เท่านั้นแหละที่คุณจะชนะผมได้”
คำพูดนั้นเรียกประกายตาจุดวาบ พร้อมด้วยเรียวปากหยักที่ขยับยิ้มเยาะ เอื้อมมือมาขยุ้มผ้าสีแดงที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่ กระชากรวดเดียวมาอยู่ในอาณัติอย่างง่ายดาย พร้อมเอ่ยอย่างหยันเยาะใส่ดวงหน้าตระหนกนั่น
“งั้นข้าขอดื่มด่ำกับชัยชนะครั้งนี้ให้สาแก่ใจเถอะนะ”
มือบางถูกรวบขึ้นเหนือหัว ขณะที่คนใต้ร่างมองมาอย่างเจ็บแค้นนัก ร่างสูงก็โน้มดวงหน้าลงมาขยี้ริมฝีปากอิ่ม ขบกัดจนมันได้เลือดและแดงเห่ออย่างน่ากลัว ลู่หานสบถในใจ สัมผัสแบบนี้แทบจะไม่แตกต่างจากคืนวานเลยสักนิดเดียว สัมผัสที่อยากจะหนีไปให้ไกลๆหากก็ทำไม่ได้
ทำไมจะต้องเป็นเป็นเขา
ทำไมดวงวิญญาณนี้จะต้องมาอยู่ในร่างของเขาด้วย
ทำไม
คำถามนั้นวนเวียนซ้ำไปมาเมื่ออีกคนประทับจูบไซร้อย่างรุนแรงที่แนวกรามสวย เสื้อที่สวมใส่ถูกกระชากออกจนคนใส่รู้สึกเจ็บ ร่างสูงผละมาสบสายตาเขา ด้วยสายตาที่ไม่ยอมคน
เลือดหนุ่มขององค์ชายรัชทายาทร้อนผ่าว ภาพด้านล่างมันเย้ายวนเกินไป ทั้งดวงหน้าหวานล้ำ ปากนิด จมูกหน่อย ดวงตางามโตที่เขม่นมองเขาราวกับลูกกวางระแวงภัย ไหนจะผิวขาวๆที่มีร่องรอยรักผุดผาดราวกับกลีบเหมยกระจายอยู่บนพื้นหิมะ
เชื้อพระวงศ์แห่งต้าชิงเป็นเช่นนี้ทุกคนหรือ เขาเริ่มทอดถอนใจในหัวอก งดงามอย่างลึกล้ำ เพียงแค่มองก็อาจจะถลำลึกลงไปได้
ดีจริงๆที่เป็นบุรุษ เพราะไม่ว่าจะรุนแรงขนาดไหน ก็คงจะชอกช้ำหรือมีเชื้อไขให้สู้หน้ากันไม่ติดใช่หรือไม่
คิดได้เช่นนั้นเรียวปากหยักก็ขยับยิ้มร้าย มือแกร่งเลื่อนขึ้นมาผสานมือเล็กๆแล้วบีบแน่น ลู่หานเบือนหน้าหนี เมื่ออีกคนซุกไซร้ดวงหน้าลงมาอีกครั้ง มันยังเหมือนเมื่อคืน มีแต่ความเจ็บ...ปะปรายกับสัมผัสวาบหวาม สัมผัสที่เจ็บจนอยากจะร้องตะโกน แต่ก็เปล่งเสียงไม่ออก ทำไม่ได้แม้แต่จะร้องไห้
“อ๊ะ...!”
ร่างเล็กผวาเฮือกเมื่ออีกฝ่ายตวัดมือขึ้นซ้อนหลังให้ได้กัดกินเนื้อนวลได้อย่างใจ รอยช้ำที่ช้ำอยู่แล้วถูกทำซ้ำ ที่ๆไม่เคยถูกประทับก็ประทับลงไปใหม่ มือร้อนที่ไล่สัมผัสอยู่แผ่นหลังยังให้ความรู้สึกเหมือนเดิม เช่นเดียวกับดวงตาที่มองผิวขาวๆสั่นระริกเพราะถูกรังแกยังคงคิดเห็นเช่นเดิม
...อยากจะกัดกินร่างนี้ให้แหลกลาญ...
ไม่ปล่อยให้เป็นแค่ความคิด เรือนกายนิ่มถูกฟ้อนเฟ้นอย่างหนักมือ ริมฝีปากแตะเบาที่ยอดถันสีอ่อนที่แข็งขืนก่อนจะขบกัดเสียเต็มแรง เรียกเสียงร้องออกมาเบาๆจากคนที่กำลังกำท้ายทอยเขาแน่นด้วยความเจ็บปวด สะโพกบอบช้ำถูกบีบแรงๆอย่างหมันเขี้ยว จนคนตัวเล็กครางออกมาเบาๆ
“ซะ...ซาดิส”
คำที่น่าจะเป็นคำก่นด่าดังขึ้น เซฮุนเลิกคิ้วขึ้นสูง หยุดการกระทำ ช้อนหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายพร้อมถามอย่างสงสัย
“ภาษาต้าชิงหรือ แปลว่าอะไรเล่า”
ลู่หานกัดปากแน่น ก่อนจะตอบอย่างไม่เกรงกลัว
“พวกชอบความเจ็บปวด โรคจิต!!”
“ซาดิส...” ร่างสูงทวนคำพูดนั้น ท่าทางจะถูกใจไม่น้อย “...ข้าชอบคำนี้”
ร่างของลู่หานถูกพลิกอย่างรุนแรง  พร้อมๆกับต้นขาถูกจับชันขึ้นสูง มือแกร่งล้วงลูบรอยแยกเล็กๆ พร้อมยัดนิ้วเรียวให้ผลุบเข้ารวดเดียวทำเอาร่างเล็กถึงกับสะดุ้งเฮือก ร่างสูงก้มลงกระซิบเบาที่ข้างใบหูนิ่ม เซฮุนควานนิ้วไปโดยรอบ กดผนังนุ่มชื้นที่ตอดรัดแน่น แทรกลึกเข้าไปซ้ำๆ พร้อมมองอาการสั่นสะท้านของอีกฝ่าย
“ข้าชอบ...ความเจ็บปวดของผู้ที่ข้าเกลียด”
“ละ...อ๊ะ แล้ว...! ผมไปทำอะไร...!! ฮื้ออออ เอานิ้วออกไป!!”
ลู่หานเผลอตวาดลั่น น้ำตารื้นเมื่อถูกชำเราด้านหลังอย่างหนักหน่วง อีกคนแย้มรอยยิ้มออกมาพร้อมๆกับถ่างนิ้วควานไปมา เป็นรอยยิ้มที่น่ารังเกียจนัก
“หึ...”
ลู่หานรับรู้ได้ถึงน้ำหนักที่ทาบทับลงมาจากด้านหลัง ก่อนที่อะไรบางอย่างจะถูกยัดเข้ามาสรรพางค์ในคราเดียวจนเขาผวาเฮือก ร่างสูงครางออกมาเสียงดัง เมื่อช่องทางด้านล่างตอดรัดเขาอย่างรุนแรงจนน่าพึงพอใจ ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายปรับร่างกาย องค์รัชทายาทขยับกายอย่างใจ ขณะที่ลู่หานผวากัดผ้าขาวแน่น เจ็บปวด ราวกับมีดแทงซ้ำๆ
“อืม อาาาา...อึก...”
ร่างสูงยกสะโพกเล็กขึ้นพร้อมควงกายไปมา ช่องทางเล็กขมิบตอบรัดไม่เป็นจังหวะ ชวนให้กระแทกซ้ำๆ เขาจับร่างนั้นพลิกมาเผชิญหน้า รู้สึกสุขสมอย่างสุดๆเมื่อเห็นแววตาเจ็บปวด หากทว่าดื้อรั้น
ก้มลงจูบหนักๆที่เรียวปากอิ่มนั่นอีกครั้ง พร้อมกระแทกกายลงซ้ำจนร่างเล็กเผลอปากคราง ร่างสูงชักกายออกมาจนเกือบหลุดก่อนจะกระแทกกลับเข้าไปซ้ำๆ สักพักเขารู้สึกได้ บางสิ่งบางอย่างดุนดันที่หน้าท้องแกร่ง ผละจากมาก็เห็นริ้วแดงบนดวงหน้าดื้อดึง ลู่หานคว้าเศษผ้ามาปกปิดดวงหน้าอย่างกระดากอาย เขาเจ็บปวด หากก็สุขสม จนร่างกายเกิดแรงปรารถนาอย่างน่าอายขึ้นจนได้
“หึ...”
รอยยิ้มของอีกฝ่ายที่เห็นได้จากช่องผ้า...เขาเกลียดนัก
ยิ่งตอนมือแกร่งแทรกปลายนิ้วเข้ามาในริมฝีปาก ก่อนจะเริ่มต้อนขยับกายจนเขาเผลอคราง ลู่หานกรีดร้อง เมื่อแรงเสียดสีนั้นกำจายความสุขไปทั่วร่าง ยิ่งตอนที่อีกคนแอ่นกายฉีดพ่นความอุ่นร้อนเข้ามาในเรือนร่างเขา เกลียดมาก...

...เกลียดจริงๆ...

 .
.
.
“พะ...พอ...พอเถอะ”
เสียงครางของคนสิ้นเรี่ยวแรงดังขึ้น ก่อนจะถูกบดขยี้เรียวปากอีกครั้ง สะโพกนุ่มถูกคว้าเอาไว้ เขาซอยสะโพกแกร่งเข้าแนบชิดอีกหลายครา ก่อนจะปลดปล่อยหยาดเชื้อเข้าสู่เรือนกายบอบช้ำ ขยับบดเบียดราวกับรีดกาย แล้วเลื่อนออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ลู่หานรู้สึกโล่งใจนักเมื่อมันจบลง เขาถูกกระชากขึ้นไปนั่งบนตักแกร่งพร้อมการประทับจูบที่รุนแรงบนขมับบาง ไล่จูบซ้ำๆบนดวงหน้าแดงปื้น เกลี่ยหยาดน้ำตาที่กลิ่งเกลือกราวน้ำคางบนผิวกลีบบุปผา ก่อนจะเลื่อนมาขยี้เรียวปากนิ่มแรงๆอีกหลายครา

ส่วนอ่อนไหวถูกฉวยมาบดบี้ ลู่หานเกาะไหล่อีกคนไว้แน่น ซบหน้าลงกับอกแกร่งพราวเหงื่อ บางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่เบื้องล่าง มันกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งหากทว่าไม่มีเสียงขันทีหน้าห้องดังขึ้น



READ CONTINUE...




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น