“ราตรีนี้แหละ
ที่ข้าจะทำลายศักดิ์ศรีขององค์ชายแห่งต้าชิงให้สิ้นซาก”
เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้น
ลู่หานเบิกตากว้าง
เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นองค์ชายรัชทายาทกำลังแย้มรอยยิ้ม...เป็นยิ้มของผู้มีอำนาจที่เหนือกว่า
เหมือนราชสีห์ที่กำลังจะขย้ำลูกกวางที่เดินหลง
“อย่านะ...เดี๋ยว!...”
ร่างเล็กผวาเฮือกเมื่อผ้าลายวิจิตรตัวนอกถูกกระชากออกโดยแรง
มือแกร่งกำเสื้อสีขาวที่สวมด้านในก่อนจะกระชากจนหลุดออกจากร่าง
“...อื้อ...ไม่เอา...!!”
ริมฝีปากหยักกดจูบริมฝีปากเล็กๆที่ร้องประท้วงนั่น
ลู่หานกำเสื้อของอีกฝ่ายพร้อมพยายามผลักออกห่าง
มันไม่เหมือนจูบที่เขามอบให้กับแฟนสมัยเรียนมัธยม
ความเจ็บปวดนี่ราวกับแฝงไว้ด้วยความเกียจชังที่ไม่คิดปิดบัง
ลิ้นร้อนไล้เลียกลีบปากนุ่มราวกับตราเป็นเจ้าของก่อนจะจาบจ้วงเข้าในโพรงปากนิ่ม
บดเบียดลงมาจนคนถูกกระทำหายใจไม่ออก
ลิ้นเล็กๆถูกโลมเลียต่อให้พยายามหนีก็เหมือนเป็นการตอบโต้ที่เรียกเสียงครางเบาๆอย่างพึงพอใจ
ลู่หานพยายามเบือนหน้าหนี
หากอีกคนกลับจับท้ายทอยเอาไว้มั่น
ร่างบางถึงกับหอบหายใจเมื่ออีกฝ่ายเลื่อนริมฝีปากมาที่ลำคอเรียว
มือเล็กเร่งผลักไส
ส่งผลให้ฟันขาวขบลงบนเนื้ออ่อนต้นคออย่างแรงจนคนตัวเล็กกว่าร้องคราง
“จะ...เจ็บ...!!”
แผ่นหลังบอบบางเริ่มไม่ติดกับเตียง
เมื่อมือแกร่งเลื่อนมาลากไล้
สัมผัสผิวกายนิ่มนวลชื้นเหงื่อแห่งความหวั่นไหว
มือแกร่งที่กรำอาวุธก็บีบฟ้อน
เลนเอาร่างน้อยๆที่อยู่ในวงแขนแกร่งส่ายไปมาเพราะความเสียวซ่านระคนเจ็บปวด
อาภรณ์ที่สวมใส่ถูกกระชากออกจนร่างเล็กๆนั้นเปล่าเปลือย
ดวงหน้าหล่อซุกลงบนซอกคอขาวจัดของคนที่พยายามดันร่างของเขาออกห่าง
ลู่หานร้องลั่นพร้อมผักร่างของอีกคนออกห่าง
“ปล่อยนะ!!
บอกให้ปล่อยไง!!
ไอ้บ้านี่!!”
ร่างสูงถูกผลักออกพร้อมๆกับหมัดหนักๆที่ชกเข้าที่ข้างแก้ม
ได้ยินเสียงร้องอย่างตระหนกของคนที่เฝ้ามองอยู่
ลู่หานเร่งฉวยผ้าคลุมบางๆสีขาวมาปกปิด
เรียวปากแดงเรื่อเจ่อบวมเพราะถูกกระทำอย่างหนักหน่วง
ดวงตามองมาเหมือนกวางน้อยที่บาดเจ็บ
คนที่ถูกกระทำหันกลับมามองด้วยแววตาเย็นเยียบ
ก่อนจะกระชากอีกคนทีเดียวขึ้นมานั่งบนตัก
น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมกระซิบแผ่วเบากับเด็กหนุ่มหลงยุค
“ฟังนะ...ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเคยยิ่งใหญ่มาขนาดไหน
แต่ตอนนี้เจ้าเป็นชายาของข้า!
กรรมสิทธิ์ของข้า!!
ที่เจ้ายืนอยู่คือโชซอน!!
ดินแดนที่ข้าสามารถทำอะไรกับเจ้าก็ได้
องค์ชายแห่งต้าชิง!!”
สิ้นคำพูดร่างเล็กก็ถูกผลักลงบนฟูกนอนอย่างแรง
ร่างสูงโถมกายขึ้นทับ
ไม่ฟังเสียงห้ามปรามพร้อมน้ำตาของคนที่ได้ชื่อว่าพระชายาเลยสักนิดเดียว
กระชากทีเดียวปราการสุดท้ายก็ขาดครามือแกร่ง
ฟันคมกัดลงบนหัวไหล่เล็กๆจนคนตัวเล็กร้องครางออกมาเสียงดัง
ริมฝีปากที่ร้องด้วยความเจ็บปวดถูกฉวยโอกาส
ลิ้นเล็กถูกดูดดุนโลมเลียจนน้ำใสๆไหลออกมาให้องค์ชายรัชทายาทได้เก็บเกี่ยว
ฝ่ามือแกร่งเฟ้นฟ้อนไปตามกายขาวจัด
ยิ่งขาวมาก...ก็ยิ่งอยากทำให้มันเปื้อนมลทินก็เท่านั้น
“ปล่อย!
ยอมแล้ว...ไม่เอาแล้ว
ฮึก...”
ลู่หานร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก
เมื่อริมฝีปากหยักและลิ้นร้อนสากนั่นลากเลียตั้งแต่ปลายคางมายังไหปลาร้าสวย
“...ช่วยด้วย
ฮึก ช่วยผมด้วย...”
เสียงครางสั่นเครือนั่นสะท้อนใจใครบางคนที่มองอยู่นัก
หากองค์ชายหนุ่มกลับทำได้เพียงเบือนหน้าหนี
พระอนุชาไม่ปราณี นั่นคือความจริง
แต่ความจริงที่โหดร้ายกว่านั้นคือ...ต่อจากนี้ทุกๆอย่างจะโหดเหี้ยมกับองค์ชายแห่งต้าชิงมากกว่านี้
มากกว่ามาก
ฟันคมไล่กัดและสร้างรอยจูบไปตามผิวกายขาวจัด
ลิ้นร้อนละเลงดูดดุนราวกับพยายามจะดูดชิ้นเนื้อมาขย้ำ
ฝ่ามือแกร่งเลื่อนมาแตะที่เม็ดทับทิมสีสวย
บดบี้ปลายนิ้วไปจนร่างเล็กๆสะท้านเฮือก
จิกเล็บคมบนตุ่มไตอย่างแรง
จนได้ยินเสียงครางอย่างอ้อนวอน
“บะ...เบา...”
ลู่หานครางออกมาเสียงสั่นอย่างไร้ศักดิ์ศรี
น้ำตาใสๆไหลอาบแก้ม
มันไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเดียว
มันมีแต่ความเจ็บปวดและกระสัน
อารมณ์ร่วมของเขามีน้อยมาก...น้อยเกินไป
ทั้งๆที่หลับตาลงยังรู้สึกได้
ฟันขาวกัดลงบนเม็ดทับทิมจนเลือดซิบ
เร่งให้มือเรียวกดจิกลงบนเส้นผมสีเข้ม
ลู่หานครางออกมาเสียงสั่นเมื่ออีกคนบดเบียดปลายลิ้นลงมาจนทั้งเจ็บปวด
ทั้งเสียวกระซ่านไปทั้งกาย
แต่ยิ่งเขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวดมากเท่าไหร่
ยิ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะพึงพอใจมากที่เท่านั้น
องค์ชายหนุ่มละริมฝีปากจากยอดถันที่แข็งขืนและบวมเป่งซิบเลือด
ก่อนจะลากปลายลิ้นตามไรขนอ่อนมาที่หน้าท้องขาวจัด
ดุนดันที่รอยบุ๋มกลางลำตัวซึ่งตอนนี้ส่ายไปมาราวกับยั่วยวนลิ้นของเขาเสียอย่างนั่น
แรงดุนดันที่หน้าท้องทำเอาหลังเล็กๆไม่ติดเตียง
มือเรียวเผลอกดดวงหน้าคมกับหน้าท้องแบราบไร้ไขมันและกล้ามเนื้อของตัวเองราวกับเร่งเร้าอย่างลืมตัว
บางอย่างในร่มผ้ากำลังดุนดัน
องค์ชายหนุ่มสัมผัสได้
เหลือบสายตาเย็นเยียบขึ้นมองกายขาวๆเต็มไปด้วยรอยจูบและรอยฟันที่แดงเรื่อ
ดวงหน้าหวานที่หลับตาแน่นกำลังบิดเบี้ยวอย่างน่าชม
เร่งเลือดหนุ่มของคนมองให้ร้อนระอุ
“!!”
ลู่หานสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกคนจับขย้ำความต้องการของเขาอย่างไร้ความปรานี
เล็บคมสะกิดลงบนส่วนปลายที่แดงเรื่อจนเยื่อหุ้มบางๆนั้นเปิดออก
ดวงตาของคนถูกกระทำปรือขึ้นมองอย่างหวาดหวั่น
ซึ่งอีกฝ่ายก็กดแน่นราวกับไม่ยอมให้น้ำขาวขุ่นนั่นพุ่งทะลัก
ลู่หานหน้าแดงเรื่อเมื่ออีกคนถามอย่างเริงอารมณ์
“เจ้าพร้อมแล้ว...ใช่มั้ย”
คนตัวเล็กส่ายหน้า
หากอีกคนกลับกดปลายนิ้วลงต้นทางสวาท
มันไม่เหมือนมือของพวกนางกำนัลที่ต้องการทำความสะอาดให้กับเขา
มันจมลึกลงไปมากกว่านั้นจนเยื่อพรหมจรรย์ปริกแตก
ลู่หานผวาจึกเล็บกับเบาะนอนเอาไว้แน่นพร้อมกัดริมฝีปากกับความเจ็บราวร่างจะแยกออก
“นางกำนัล...”
เสียงเรียกที่ไม่คาดคิดทำเอาลู่หานถึงกับเบิกตากว้าง
องค์ชายหนุ่มหันไปเอ่ยเรียกคนที่อยู่นอกห้อง
พอไม่เห็นคนที่ก้าวเข้ามาก็ตวาดเรียก
นางกำนัลสาวคนนึงวิ่งเข้ามาพร้อมดวงหน้าแดงเรื่อ
แล้วยิ่งแดงหนักเมื่อเห็นภาพที่เห็น
“จับพระพักตร์ของพระชายาหันมาทางข้า”
คำสั่งราบเรียบที่ทำเอาลู่หานถึงกับหน้าแดงก่ำ
หลงลืมความเจ็บปวดไปได้ชั่วขณะ
“ข้าอยากเห็น...หน้าพระชายาของข้า”
เรียวปากหยักขยับเป็นรอยยิ้ม
เป็นยิ้มราวกับปีศาจในความคิดของลู่หาน
นางกำนัลคนนั้นหน้าแดงก่ำ
เดินมาที่หัวเตียง
ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งทำตามคำสั่ง
ลู่หานสบดวงตาสีดำขลับสั่นระริกนั่น
ร่างบางผวาอีกครั้งเมื่อนิ้วเรียวที่อยู่ในตัวกำลังควานไปมาราวกับจะเบิกทาง
องค์ชายหนุ่มรับสั่งอย่างเริงใจ
“รู้สึกเป็นไงบ้างล่ะ
ชายาของข้า”
คำพูดนั้นทำเอาลู่หานถึงกับกำมือแน่น
เขาเผลอเกร็งร่างจนถูกสึกปวดตุบๆบริเวณตรงนั้น
รู้สึกได้ถึงนิ้วเรียวอีกนิ้วที่กำลังกดไปรอบปากทางเข้า
ก่อนจะเลื่อนเข้ามาอีกจนบาดแผลปริแตกมายิ่งขึ้น
ลู่หานผวา เสียงเคร่งก็เอ่ยขึ้น
“กดพระชายาเอาไว้”
“พะ...เพคะ”
ดวงหน้าของนางกำนัลแดงก่ำ
แทบไม่ยอมมองมายังเขาเลย
หากก็หลับหูหลับตากดร่างของลู่หานแนบพื้นเตียง
ลู่หานหลับตาแน่น
ไม่อยากเห็นภาพคนเลวร้ายที่กำลังรังแกเขา
ไม่อยากเห็น
“หากเจ้าไม่ลืมตาขึ้น
ข้าจะสังหารนางซะ”
เสียงเย็นๆนั้นดังขึ้น
เร่งให้ลู่หานถึงกับเบิกตาโพลง
นางกำนัลคนนั้นก็เช่นกัน
หน้าแดงเรื่อถอดสีลง
ลู่หานเอ่ยเสียงสั่นเครือ
“หะ...ให้เธอออกไป
ผมจะมะ...มองหน้า...คะ...คุณเอง”
“เจ้ามีสิทธิ์เลือกเหรอ
พระชายา”
อีกคนยังเอ่ยอย่างเริงใจ
นิ้วทั้งสองควานไปจนทั่ว
ไม่ได้หาจุดกระสัน
หากต้องการทำให้เจ็บปวด
พอเห็นอีกคนเม้มปากแน่น
เจ้าตัวก็ถ่างนิ้วที่อยู่ภายในทำเอาคนตัวเล็กกรีดร้องออกมาเบาๆ
“หือ
มีสิทธิ์เหรอ?”
ลู่หานน้ำตาไหลพราก
หมดเรี่ยวแรงต่อต้าน
นิ้วที่สามกดลงไปในร่างของเขา
เริ่มต้นเบียดเสียดเข้าออกจนเกิดเสียงเบาๆน่าอาย
ความปวดหนึบเกิดขึ้นก่อนจะกลายเป็นความกระสันเสียว
ลู่หานเผลอยกสะโพกขึ้นรับพร้อมๆกับนิ่วหน้าเพราะความปวดหนึบแบบที่ผู้ชายพึงมี
เขาอยากจะปลดปล่อย
หากไม่ใช่เพราะมือของอีกคนยังกดส่วนปลายเอาไว้แน่น
ไม่ยอม
“ยกสะโพกขึ้น”
คำสั่งต่อมาดังขึ้น
ลู่หานตัวสั่นเทาเมื่ออีกคนดึงปลายนิ้วออก
พร้อมก้มหน้าลงมา
ลิ้นร้อนนั่นแลบออกมาแตะเบาๆรอบปากทางเขา
ก่อนจะดันเข้าไปแทนที่ปลายนิ้วพร้อมโลมเลียด้านใน
เกิดเสียงดูดเบาๆเอาคราบเลือดนั้นเข้าปาก
ความวาบหวามที่เกิดขึ้นทำเอาลู่หานเผลอยกสะโพกตามคำบอกกล่าว
มือแกร่งบีบแรงๆบนสะโพกเล็กๆจนเกิดรอยนิ้ว
ร่างเล็กสูดลมหายใจจนเกิดเสียงกระสัน
รับจังหวะที่อีกฝ่ายขยับปลายลิ้นร้อนที่อยู่ในกายเขา
“เจ้าพร้อมแล้ว”
คำพูดเบาๆพร้อมๆกับสายคาดเอวของคนตัวสูงถูกปลดให้หลวมขึ้น
องค์ชายหนุ่มไม่ถอดมันออก
เพราะว่าอยากให้อีกคนต้องอับอายแต่เพียงผู้เดียว
ดวงตาเย็นเยียบมองนางกำลังสาวที่อดกัดปากตัวเองอย่างซ่านเสียวไม่ได้พร้อมสั่ง
“จับให้พระชายามองหน้าเราตลอด
เข้าใจมั้ย”
“พะ...เพคะ”
เสียงของนางกำนัลคนนั้นสั่นเสียวเบาหวิว
ภาพที่หล่อนเห็นตรงหน้ามันปลุกอารมณ์ดิบในตัวเหลือเกิน
คนที่อยู่ข้างห้องและมองอยู่ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก
มือแกร่งฉวยเอาขาเรียวให้ยกขึ้นสูง
จนมองเห็นปากทางสวาทที่บวมเป่งอย่างชัดเจน
ลู่หานเกร็งร่างจนสั่นเมื่อความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายแทรกเข้ามารวมเป็นหนึ่งกับร่างกาย
อยากจะเบือนหน้าหนีหรือหลับตาก็ทำไม่ได้
ได้แต่มององค์ชายหนุ่มที่ยึดต้นข้างหนึ่งของเขาเอาไว้
ขณะที่อีกมือหนึ่งคอยกอบกำส่วนปลายของความเป็นชายของเขาไม่ให้มันปล่อยน้ำรักออกมา
เสียงสูดปากเบาๆดังขึ้นจากร่างสูง
ยิ่งคนตัวเล็กเกร็งร่างเท่าไหร่
ปากทางเข้ายิ่งคับแคบบีบรัดเขามากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งเสียงแหบพร่ามีเสน่ห์กว่าสตรีนั่นครองออกมาเบาๆเมื่อเขาขยับกายเข้าแรงๆ
หากก็ยังคงไม่สุดปลายทาง
อารมณ์ร้อนผ่าวยิ่งพุ่งพล่าน
ร่างสูงกระแทกกายเข้าใส่จนร่างสั่นกระตุกสั่นอย่างรุนแรง
เม็ดเหงื่อคาวไหลตามขมับจนปลายคางแกร่ง
ชวนให้คนมองใจสั่นยิ่งนัก
ลึกจนสุดลึก
ลู่หานเกร็งตัวจนปวดเมื่อย
ขณะที่ในใจภาวนาหวังให้มันจบ
หากทุกอย่างมันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
องค์ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก
ขณะที่หลับตาลงซึมซับความรู้สึกที่ยากจะบรรยายเมื่อผนังอ่อนด้านในตอบรับ
ยังไม่เสียดสี...ถ้าขยับมันคงจะ...
ไม่รอให้สันนิธานเอง
สะโพกแกร่งเริ่มขยับชักร่างออกเริ่มแต่น้อย
หากทำเอาร่างเล็กๆที่ตกอยู่ใต้อาณัติไหวไปทั่วร่าง
แผ่นหลังครูดไปมากับผืนฟูกนอนนุ่มนิ่มแทบจะไร้ความรู้สึกเมื่อเทียบกับแรงกระแทกกระทันภายในที่ดูจะรุนแรงมากขึ้น
และมากขึ้นเรื่อยๆ
นางกำนัลสาวแทบจับร่างนั้นไม่อยู่มือเมื่อองค์ชายหนุ่มเริ่มจังหวะราวกำลังขี่ม้า
ร่างสูงคุกเข่ายกตัวเองขึ้นสูงพร้อมจับสะโพกนิ่มให้แอ่นขึ้นตามในท่าถนัด
มือแกร่งฉวยต้นขาอ่อนให้ยกขึ้นสูงพร้อมกระแทกกระทันกายลงไป
เสียดสีภายในชักกายออกจนเกือบสุดก่อนจะกระแทกลงไปใหม่จนเกิดเสียงดังซ้ำๆเป็นจังหวะ
ไม่ต้องพูดถึงคนถูกกระทำที่ยามนี้กรีดร้องลั่นซ้ำๆเพราะความเจ็บปวดและเสียวซ่านแทบขาดใจ
มือเรียวยกขึ้นปะป่าย
แกะมือแกร่งที่บีบรัดส่วนปลายออกพร้อมร้องครางออกมา
“ปะ...อ๊า!
ปล่อยยยย!!
อ๊า!
ปล่อย...อะ...อ๊า!
อ๊าาาาาาาา!!”
ร่างสูงเหยียดยิ้มอย่างใจร้าย
ก่อนจะโน้มตัวลงกดจูบหนักๆที่เรียวปากที่กำลังครางเสียงแสนหวานรัญจวน
ทรงปลดปล่อยออกมาจนน้ำรักล้นช่องภายในหากยังคาร่างเอาไว้
เห็นน้ำสีชมพูอ่อนทะลักออกมาจากปากทางเขาตรงช่องว่างระว่างแกนกายและเนื้อผนังนิ่ม
กระซิบเสียงเหี้ยมอย่างใจร้าย
“ใครจะปล่อยเจ้าไปเล่า”
ส่วนที่กำลังจับนั้นเป็นสีเข้มพร้อมโป่งขึ้นมาคล้ายจะระเบิดอารมณ์
หากเขาใจร้ายเหลือเกิน
มือเรียวกดบดบี้มันให้สายน้ำขุ่นได้ซึมออกมาเพียงเล็กน้อย
ขณะที่โถมกายเข้ามาไม่รู้จับ
ลิ้นร้อนแลบลากไล้ทั่วกลีบปากและไรฟันขาวที่กำลังเปล่งเสียงคราง
ชุ่มฉ่ำน้ำหวานรสแปลกให้อีกคนลิ้มลอง
“เอาลิ้นเจ้าออกมา”
เสียงสั่งราบเรียบหากคนเสียเปรียบก็ยอมแต่โดยดี
ลิ้นร้อนแตะตวัดรัดราวงูฉาก
ดุนดันมาจนนางกำนัลทีจับพระเศียรของพระชายาอยู่เผลอปล่อยหลายครั้ง
ภายในกายกำลังต่อสู้กัน
ผู้รุกรานคืบไล่ครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งด้านบนและด้านล่าง
ทะลุทะลวงโหมลงมาอย่างไม่มีเหนื่อยอ่อน
ลู่หานพลิกกายลงจากตักของนางกำนัลเหมือนอยากจะคลานหนี
หากนั่นกลับทำให้อยู่ในท่าที่ถนัดแก่การร่วมรักมากกว่าเก่า
“หนีไม่พ้นหรอกน่า...”
ร่างสูงกระซิบเบาๆข้างใบหูที่แดงเรื่อ
ยังมีเครื่องประดับอยู่เลย
ก่อนจะกัดงับมันโดยแรง
สะโพกแกร่งควงร่างที่อยู่ในกายอีกฝ่าย
พร้อมกระแทกกระทันเข้าไปราวกับกำลังสำรวจทุกซอกหลืบในร่างนั้นจนอีกคนน้ำตาริน
เขาปลดปล่อยมาอีกครั้ง...เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้
หากก็ยังไม่ยอมให้ลู่หานได้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย
“อ้อนวอนสิ...”
เสียงกระซิบครานี้ราวซาตานแห่งความมืด
“...อ้อนวอนข้า
อ้อนวอนสามีของเจ้า
แล้วคลานมาหาข้าซะ”
ร่างสูงผละจากไป
ทิ้งร่างของอีกคนอย่างไม่ไยดี
สะโพกนุ่มตกลงมากระแทกกับฟูกจนร่างเล็กครางอย่างเจ็บปวด
เขามองคนที่กำลังแย้มรอยยิ้มอย่างชั่วร้าย
พวกขุนนางกำลังเดินกลับไป
เพราะไม่อาจทนเห็นองค์ชายรัชทายาทของเขากระทำการป่าเถื่อนได้อีก
นางกำนัลคนนั้นก็ทำท่าจะผละหนี
หากว่าไม่มีคำสั่งเย็นเยียบขององค์ชายหนุ่มเสียก่อน
“พวกท่าน...”
เขาคงหมายถึงพวกขุนนางที่กำลังจะเดินออกจากห้อง
“...ลากนางไปประหารด้วย”
คำพูดคราวนี้ทำเอาทุกคนถึงกับเบิกตากว้าง
นางกำนัลคนนั้นกำลังกรีดร้อง
หากสุดท้ายราชาแห่งโชซอนก็พยักหน้ารับ
“ประหาร”
“ดะ...เดี๋ยว...”
ลู่หานที่หอบหายใจรวยรินอยู่บนฟูกร้องออกมาเบาๆ
“...เธอไม่มีความผิดนะ”
“ผิดที่รู้ว่าเจ้าเป็นบุรุษ...”
ร่างสูงเอ่ยเสียงเบา
เป็นคำพูดที่เด็กหนุ่มอยากจะสวนกลับ
ก็เขาไม่ใช่เหรอที่เรียกเธอเข้ามาในห้องนี้
“...นี่คือโชซอน
โชซอนที่ข้าจะทำยังไงกับใครก็ได้
ไม้เว้นแม้แต่เจ้า”
ดวงตาสองคู่สบกัน
ลู่หานเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรงเมื่อเห็นอีกคนเอนกายพร้อมแยกขาออกอย่างสบายๆ
มองเขาด้วยสายตาที่น่ารังเกียจ
“ถ้าเจ้าไม่อยากมีจุดจบเหมือนนาง...ก็ทำซะ”
ดวงหน้าของคนฟังเปลี่ยนสี
เข้าใจความหมายของคำพูดนั้นดีทีเดียว
เด็กหนุ่มกลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหล
เมื่อคลานเข้าไป
ก่อนจะอ้าปากรับความเป็นชายขององค์ชายหนุ่มที่มีกลิ่นคาวเลือดของเขาและคราบคาวน้ำรักจากเหตุการณ์เมื่อครู่
รู้สึกได้ถึงมือที่ลูบเบาๆบนเส้นผม
พร้อมเสียงครางอย่างพอใจเบาๆ
“ดี...ดีมาก...”
ลู่หานรู้สึกสะอิดสะเอียนเต็มทน
เสียงของนางกำนัลคนนั้นเงียบไปแล้ว
ขณะที่สะโพกแกร่งเริ่มขยับชักเข้าออกในริมฝีปากเขา
ความแข็งแกร่งเสียดสีกับเนื้อนิ่ม
มันไม่ได้ดีเหมือนในกายของอีกฝ่ายหรอก
หากสิ่งที่เซฮุนต้องการคือการทำลายศักดิ์ศรีขององค์ชายแห่งต้าชิงต่างหากเล่า
ร่างสูงปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง
เล่นเอาเด็กหนุ่มจากต่างแดนสำลักจนตัวโยนก่อนจะถูกกระชากขึ้นมานั่งบนตัก
“จำเอาไว้...”
เขาแปวกก้อนเนื้อหนั่นขาวนุ่มนั่นออก
เพื่อแทรกกายเข้าไปในเรือนร่างบอบบางนั่นอีกครั้ง
“...ข้าคือสามีของเจ้า
ข้าสั่งอะไร เจ้าต้องทำตาม
อา...”
เสียงครางทุ้มดังขึ้น
ขณะที่ลู่หานน้ำตาอาบแก้ม
โยนตัวตามแรงส่งและบดเบียดจากเบื้องล่าง
ร่างสูงยกสะโพกนิ่มขึ้นนิด
ก่อนจะขยับกายโถมใส่ไม่ยั้งจนร่างนั้นขยับขึ้นลงตามแรงโยน
ลู่หานกรีดร้องออกมาเสียงดัง
เมื่ออารมณ์ที่สั่งสมมาของเขาระเบิดน้ำรักไปทั่วเอวแกร่งที่แน่นขนัดด้วยกล้ามเนื้อ
ร่างสูงกระชากชุดของตนออกเผยเรือนร่างแข็งแกร่งเปล่าเปลือย
ขณะที่ยังขยับกายเข้าออกร่างเล็กๆบนตักอย่างทรงพลัง
มือแกร่งบีบกรามเล็กๆให้เผยอออกพร้อมกดจูบ
บอกเสียงนุ่มนวล
“ยินดีต้อนรับ
พระชายาของข้า”
**
READ CONTINUE…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น